Cooking, TIPS & TRICK
เรื่องเล่าของขนม: ข้าวหมกไก่

วันหยุดยาวก็ใกล้เข้ามาแล้ว นั่นคือเทศกาลวันสงกรานต์ หรือเรียกกันว่า
วันปีใหม่ของไทยเรานั่นเอง บางท่านก็จะกลับบ้านไปขอพร
รดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่
เรียกได้ว่าเป็นวันรวมญาติก็ว่าได้ ก่อนวันหยุดยาวแบบนี้เราก็ต้องหาเมนูพิเศษมาทำกันก่อน วันรวมญาติแบบนี้คงต้องเป็นเมนูที่ทำแล้วสามารถทานกันได้ทั้งครอบครัวไม่ว่าจะเป็นเด็ก
ผู้ใหญ่
ไปจนถึงผู้สูงอายุ
ดังนั้นเมนูที่จะนำเสนอก็คือ
เมนูข้าวหมกไก่
ซึ่งมีเครื่องเทศ และสมุนไพรเป็นส่วนประกอบ เราเคยทำเมนูข้าวมันไก่กันมาแล้ววันนี้เรามาทำข้าวหมกไก่กัน ก่อนจะทำเรามาดูความเป็นมาของเมนูข้าวหมกไก่กันก่อนค่ะว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
“ข้าวหมกไก่” เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในตะวันออกกลาง รวมทั้งชาวมุสลิมในประเทศต่างๆ ต้นกำเนิดของข้าวหมกมาจากอินเดียซึ่งรับวัฒนธรรมการปรุงข้าวหมกไปจากเปอร์เซียได้พัฒนามาเป็น บิรยานี เมื่อชาวอินเดียและเปอร์เซียมาติดต่อค้าขายกับประเทศไทย ได้นำข้าวหมกไก่มาเผยแพร่ด้วย ข้าวหมกไก่เป็นอาหารจานเดียวที่ประกอบไปด้วยเครื่องเทศนานาชนิด กลิ่นหอมกรุ่น ถึงแม้ข้าวหมกไก่ไม่ใช่อาหารจานเดียวสัญชาติไทยแท้ๆ ก็ตาม แต่ผสมกลมกลืนจนกลายเป็นอาหารไทยที่ได้รับความนิยมกันมาก โดยที่ปักษ์ใต้มีการทำขายทั่วไป ในข้าวหมกไก่ก็จะประกอบไปด้วยเครื่องเทศ เครื่องเทศคือส่วนต่างๆ ของพืช เช่น เมล็ด เปลือก เมล็ด ผล ผิวนอกของผล ใบ ราก ลำต้น ฯลฯ ที่ทำให้แห้ง แล้วนำมาเป็นเครื่องปรุงในอาหาร เพื่อให้ได้รสชาติ สีสัน กลิ่น หรือคุณสมบัติอื่นๆ ที่ต้องการ เครื่องเทศที่ผู้คนทั่วโลกรู้จักเป็นสากล เช่น กระวาน กานพลู จันทร์เทศ ดีปลี ยี่หร่า หญ้าฝรั่น พริกไทย และ อบเชย เป็นสิ่งมีใช้กันมานานนับพันปีค่ะ
Cooking, TIPS & TRICK
เรื่องเล่าของขนม: ขนมเค้ก (Cake)

วันนี้เราจะพูดถึงขนมที่อยู่ในหมวดเบเกอรี่ค่ะ ประเภทขนมเค้ก (cake)
เค้กเป็นขนมชนิดหนึ่งที่มักจะมีรสหวาน และผ่านกระบวนการอบ ซึ่งจะทำมาจากแป้ง น้ำตาล และส่วนประกอบอื่นๆ เช่น ไข่ ผัก และผลไม้ที่ให้รสหวานหรือเปรี้ยว หรือส่วนประกอบที่มีไขมัน เช่น เนย ชีส ยีสต์ นม เป็นต้น และนิยมรับประทานเป็นของหวาน และฉลองในเทศกาลต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเกิดและวันแต่งงาน ซึ่งในปัจจุบันมีตำหรับหรือสูตรการทำเค้กเป็นจำนวนล้านๆ สูตร ขนมเค้กมีหลากหลายชนิด อาทิ ชีสเค้ก ฟรุตเค้ก แพนเค้ก เค้กเนยสด และแยมโรล ขนมเค้ก มีรากศัพท์มาจากภาษาของชาวไวกิ้ง (Old Norse word) มาจากคำว่า “kaka” ประวัติเริ่มจากปี ค.ศ. 1843 นักเคมีชาวอังกฤษชื่อ อัลเฟรดเบิร์ด ได้ค้นพบ “ผงฟู” (baking powder) ขึ้น ทำให้เขาสามารถทำขนมปังชนิดที่ไม่มียีสต์ได้เป็นครั้งแรก ทั้งนี้เนื่องมาจากภรรยาของเขา (Elizabeth) เป็นโรคภูมิแพ้อาหารที่มีส่วนผสมของไข่และยีสต์ จึงค้นพบผงที่ทำให้เค้กขึ้นฟูดีนั่นเอง
สำหรับประวัติขนมเค้ก เมื่อปี พ.ศ. 2480 ขนมเค้กยังไม่เป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไปมากนัก จะมีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ได้รับอารยธรรมตะวันตกหรือใกล้ชิดกับชาวต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจ โดยร้านเบเกอรี่ (bakery) ในกรุงเทพฯ มีอยู่ไม่มากนัก ร้านที่เป็นที่รู้จักย่านถนนเจริญกรุงคือร้านมอนโลเฮียงเบเกอรี่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2490 หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ประเทศไทยมีการติดต่อค้าขายทำธุรกิจกับต่างประเทศ และการท่องเที่ยวมีการขยายตัวมากขึ้น ทำให้มีความต้องการบริโภค ขนมเค้ก ขนมปัง เพสตรี้ เพื่อบริการแก่ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมีมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ธุรกิจเบเกอรี่ หรือขนมเค้ก ขนมปัง ขนมคุ๊กกี้ จึงขยายตัวและเป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
Cooking, TIPS & TRICK
เรื่องเล่าของขนม:ราสเบอร์รี่

การย่อยอาหารและระบบขับถ่าย
ก็ดี ช่วยเรื่องความสวยความงาม
นผลไม้ทางการค้าที่สำคัญ สามารถเจริญเติบโตได้อย่างกว้างขวางทุกสภาพภูมิอากาศทั่วโลกแต่นิยมปลูกกันในพื้นที่ที่มีอากาศหนาว
แรงมากสามารถขยายพันธุ์ไปได้เรื่อยๆไม่มีขีดจำกัด ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มันสามารถงอกลำต้นใหม่จากลำต้นเดิมได้ และรากของมันจะเจาะลึกลงไปในดิน ส่วนใบ
การเก็บเกี่ยวนิยมเก็บเกี่ยวในช่วงที่ผลสุกงอมโดยให้ดู
จากผลจะมีสีเข้มสด (สีแดง, ม่วง, ดำ) ในช่วงนี้ผลจะมีความหวานมาก
จึงเหมาะสำหรับนำไปรับประทานหรือนำไปทำแยมผลไม้
ราสเบอร์รี่สามารถนำมาแปรรูปทำเป็น
Cooking, TIPS & TRICK
เรื่องเล่าของขนม: บัว

“บัว” ถือเป็นไม้น้ำที่มากคุณค่า สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หมดทุกส่วน ตั้งแต่รากถึงดอก
โดยเฉพาะดอกบัว ต้องยกให้เป็นราชินีไม้น้ำ
ที่นิยมใช้ในพิธีการทางพุทธศาสนา
รากบัวก็นำมาต้มเป็นน้ำดื่ม แก้อาการร้อนใน
เมล็ดบัวเป็นอาหารทั้งคาวและหวาน ลำต้นของบัวบางชนิดนำมา ต้ม ผัด แกง ส่วนใบก็ใช้ห่ออาหารเรียกว่าข้าวห่อใบบัว
ข้าวห่อใบบัวจุดเริ่มต้นมาจาก
ข้าวห่อใบบัวสดใน นิทานปรัมปราอิง ประวัติศาสตร์ กล่าวถึงที่มาของเมนู ว่าเป็นเมนูที่ทำให้จักรพรรดิผู้ก่อตั้งราชวงศ์เฉินมีกำลังใจในการต่อสู้ จนรบชนะเพื่อป้องกันบ้านเมืองได้
เมื่อชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันหุงข้าวพร้อมกับข้าวที่ตัวเองมีอยู่ ห่อด้วยใบบัวในเมืองงดงาม
จึงเป็นที่มาของ “บรรจุภัณฑ์” จากธรรมชาติชั้นเลิศที่ไม่เพียงแต่ทำให้ลำเลียงข้าวห่อได้ง่าย
และยังให้กลิ่นหอมชื่นใจยามรับประทานที่ยามข้าวระอุอยู่ด้านในของใบบัว
การห่อใบบัวจะมีทั้งแบบใบบัวสดและใบบัวแห้งขึ้นอยู่กับฤดูกาลด้วย
แต่ใบบัวสดจะมีขั้นตอนยุ่งยากตรงที่ใบบัวที่เก็บมาใหม่ๆ ไม่นิยมนำมาทำข้าวห่อทันทีต้องนำไปนึ่งก่อนไม่งั้นจะเสียรสชาติและใบบัวแห้งจะใช้สะดวกกว่า เพราะการนึ่งแล้วจะทำให้เกิดกลิ่นหอมเฉพาะตัว
เพิ่มความหอม เวลารับประทาน
ข้าวห่อใบบัวมีหลายสูตรบางสูตรจะคล้ายบ๊ะจ่างคือผัดเครื่องเข้ากับข้าวก่อนหรือบางสูตรนำไปหุงในหม้อข้าว
ใบบัวมีสรรพคุณในการแก้ร้อนใน เรียกได้ว่ากินได้ทุกฤดูกาล
Cooking, TIPS & TRICK
เรื่องเล่าของขนม: ขนมเทียน+ขนมเข่ง

เมื่อพูดถึงวันตรุษจีน สิ่งที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ก็คงจะเป็น “ขนมเข่ง ขนมเทียน”
ที่จะมีขายตามท้องตลาดมากมายในช่วงเทศกาลนี้เท่านั้น และเนื่องในโอกาสที่ใกล้จะถึงวันตรุษจีนนี้เราก็ได้นำประวัติความเป็นมาของขนมเข่งและขนมเทียนมาฝากกันค่ะ
ความเป็นมาของขนมเข่งที่เป็นที่ร่ำลือก็คือ ในยุคประวัติศาสตร์ของชาวจีนมีความเชื่อว่า บรรดาเทพเจ้าจีนที่คอยปกปักรักษามนุษย์ในโลก
จะต้องขึ้นไปถวายรายงานความดีความชอบ
และความชั่วที่มนุษย์ทุกคนได้กระทำกับองค์เง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์
ก่อนที่จะถึงวันตรุษจีนประมาณ 4 วัน
เหล่าบรรดาคนที่รู้ว่าตนเองไม่ได้ทำความดีกับเขาสักเท่าไร จึงคิดทำขนมเข่ง หรือที่ชาวจีนแต้จิ๋วเรียกว่า ขนมเหนียนเกา (แปลว่าขนมที่ทำมาจากแป้ง)
โดยใช้แป้งข้าวเหนียวมากวนกับน้ำตาลทราย และนำไปนึ่งจนมีลักษณะเป็นก้อนแป้งแข็ง ๆ และเหนียวหนืด
จากนั้นก็นำขนมเข่งเหล่านี้ไปถวายให้บรรดาเทพเจ้าจีน
เพื่อหวังให้ขนมแป้งเหนียว ๆ ช่วยปิดปากเทพเจ้าทั้งหลาย จนกล่าวรายงานความชั่วของตัวเองให้องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ฟังไม่ได้ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เจ้าขนมเข่งก็กลายเป็นขนมไหว้เจ้าของชาวจีนไปโดยปริยาย
ส่วนขนมเทียนนั้น ก็ถือเป็นเป็นขนมไหว้เจ้าอีกชนิดหนึ่ง มีต้นกำเนิดมาจากการดัดแปลงขนมเข่งเช่นกัน โดยใช้แป้งข้าวเหนียวมากวน และใส่ไส้ถั่วบด
ผสมกับเครื่องปรุง กลายเป็นไส้เค็ม
จากนั้นห่อด้วยใบตองเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็ก ๆ
คล้ายทรงเจดีย์ แล้วนำไปนึ่งจนสุก นอกจากชื่อขนมเทียนแล้ว บางคนก็นิยมเรียกว่า ขนมนมสาว
ขนมเทียนส่วนใหญ่จะนิยมใช้เป็นขนมในงานบุญวันสงกรานต์
และชาวจีนก็นำไปใช้ในงานวันตรุษจีนด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่า ขนมไหว้เจ้าในวันตรุษจีนจะเป็นขนมที่ทำจากแป้งกวนกับน้ำตาล
แล้วนำไปนึ่งเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งที่ต้องเป็นขนมแป้งนึ่งก็เนื่องจากว่า ทั้งขนมเทียนและขนมเข่ง ต่างก็มีความหมายเป็นมงคล
สื่อถึงความหวานชื่น
ความราบรื่น และความอุดมสมบูรณ์นั่นเองค่ะ
Cooking, TIPS & TRICK
เรื่องเล่าของขนม: ไข่
เรื่องเล่าของขนม

..
“ไก่” กับ “ไข่” อะไรเกิดก่อน คิดว่าคงเป็นคำตอบที่ตอบยากใช่ไหม
วันนี้ไม่ได้จะพามาหาคำตอบเรื่องใครเกิดก่อนใครแต่จะมากล่าวถึงคุณประโยชน์ที่มีในไข่กันค่ะหลายๆ
คนทราบกันอยู่แล้วว่าไข่มีประโยชน์แต่อาจจะไม่ทราบว่าไข่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร
อ่านให้จบเรื่องเล่าของขนมวันนี้แล้วจะทราบว่า ไข่นี้มีดีไฉน
ไข่ที่นิยมรับประทานกันส่วนใหญ่จะเป็นไข่ไก่ เพราะมีกลิ่นคาวน้อยกว่าไข่ชนิดอื่น
ไข่นั้นมีคุณค่าทางอาหารอยู่หลายชนิดทั้งโปรตีน
สังกะสี
วิตามินเอ
ดี
อี และบี 12
ไข่เป็นอาหารจากธรรมชาติในไม่กี่ชนิดที่มีวิตามินดี
ประโยชน์ของไข่นอกจากจะทำให้อิ่มและอยู่ท้องนานซึ่งเป็นอาหารอันดับต้นๆ ของสาวๆ ที่กำลังลดน้ำหนักแล้วไข่ยังมีธาตุเหล็กที่ช่วยสร้างเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอีกทั้งช่วยเรื่องการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงให้เป็นไปอย่างปกติ
ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาทเพราะไข่ 1 ฟองจะมีโคลีนมากถึง 20 % ซึ่งเป็นปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน
สำหรับโคลีนเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์ในเยื่อหุ้มสมองจึงทำให้สมองและระบบประสาทแข็งแรง
บำรุงผมและเล็บ
ใครที่มีปัญหาเรื่องเล็บเปราะหักง่ายควรรับประทานไข่เพราะในไข่มีสารซัลเฟอร์ที่ช่วยบำรุงดูแลสุภาพผมและเล็บได้
ไข่สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นต้ม ตุ๋น เจียว ทอด
จะให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนยิ่งขึ้นก็ต้องเติมผักหรือสมุนไพรลงไปปรุงด้วย
Cooking, TIPS & TRICK
เรื่องเล่าของขนม: ขนมตะโก้

วันนี้จะพามารู้จักขนมชนิดหนึ่งที่ทำด้วยแป้งข้าวเจ้าและแป้งถั่วเขียวกวน
กับน้ำตาลจนสุก เกริ่นแบบนี้ หลายท่านอาจจะยังสับสน
เอ…ขนมอะไรน๊า
ขนมถ้วยไหม ขนมกล้วยใช่หรือปล่าวเพราะส่วนผสมคล้ายๆ กัน …เฉลยเลยละกันนะคะ
ว่าเป็นขนมตะโก้
ส่วนใหญ่ที่เราคุ้น และเคยลิ้มรสกันบ่อยๆ จะมีขายอยู่ 2 ชนิด คือตะโก้ถั่วและตะโก้แป้งข้าวเจ้า
ตะโก้ถั่ว รสชาติจะออกหวานมัน ทำด้วยถั่วที่ไม่มีเปลือก บดละเอียด กวนกับน้ำตาลและกะทิจนแห้ง พอปั้นหรือตัดเป็นชิ้นๆ
ได้ มักใส่ถาดสี่เหลี่ยม
แล้วตัดเป็นชิ้นขนาดประมาณ 5 ซม.
ส่วนตะโก้ทำจากแป้งข้าวเจ้า มีรสหวาน
มันเหมือนกับตะโก้ถั่วแต่เพิ่มรสเค็มเข้า มีลักษณะเป็น 2 ชั้นคือเป็นตัวขนมชั้นหนึ่งและหน้าขนมชั้นหนึ่ง
ตัวตะโก้ทำด้วยแป้งข้าวเจ้าผสมกับน้ำตาลกวนให้สุก ส่วนหน้าทำด้วยกะทิจะผสมแป้งเพียงเล็กน้อยเพื่อให้อยู่ตัวและใส่เกลือพอมีรสเค็มเพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม
ตะโก้บางร้านอาจจะมีใส่เครื่องอย่างอื่นเพิ่มเข้าไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ เช่น ใส่มะพร้าวอ่อน ข้าวโพด เผือกต้มสุก หั่นชิ้นเล็ก ๆ
กลิ่นของตะโก้นิยมใช้น้ำดอกไม้สด หรือลอยดอกมะลิ
หรือน้ำอบด้วยควันเทียน แล้วลอยด้วยดอกมะลิหรือกระดังงา ค้างไว้หนึ่งคืน
หรือถ้าชอบกลิ่นใบเตย ก็นำใบเตย
มาโขลกคั้นน้ำผสมลงในตัวตะโก้ค่ะ
ตะโก้นอกจากจะทำด้วยถั่วและแป้งข้าวเจ้าแล้ว ยังมีที่ทำด้วยวัสถุดิบชนิดอื่นอีก เช่น ตัวตะโก้ทำด้วยมันสำปะหลัง
หรือเผือกบดละเอียด นอกจากนี้ ยังทำด้วย
แป้งข้าวโพด คือ นำแป้งข้าวโพดมาใช้แทนแป้งข้าวเจ้า ก็มี
Cooking, TIPS & TRICK
เรื่องเล่าของขนม: ประเพณีลอยกระทง

“วันเพ็ญเดือนสิบสอง น้ำก็นองเต็มตลิ่ง
พวกเราทั้งหลายชายหญิง
สนุกกันจริงวันลอยกระทง…” ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว กับประเพณีวันลอยกระทงที่สืบสานกันมาแต่โบราณ สมัยก่อนอย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าเราอาศัย
ใช้ประโยชน์จากแหล่งแม่น้ำคงคา เรียกได้ว่าตั้งแต่เริ่มตื่นนอนไปจนเข้านอนเลยก็ว่าได้
ทั้งเรื่องการเดินทางสัญจรก็ใช้เรือ
แพ ล่องลำน้ำ แม่น้ำลำคลองจึงเป็นเส้นทางการสัญจรที่สะดวกที่สุดในสมัยนั้น
เมื่อถึงวันเพ็ญเดือนสิบสองช่วงฤดูน้ำหลากเต็มตลิ่ง หลังงานบุญกฐินจึงได้มีประเพณีลอยกระทงขึ้นเพื่อเป็นการขอขมาเจ้าแม่คงคา
ที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงไปในแม่น้ำ และเป็นการแสดงความสำนึกบุญคุณที่ให้เราได้ใช้อาศัยดื่ม กิน บางพื้นที่เช่น ทางภาคเหนือก็มีความเชื่อว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์
ลอยความทุกข์ ความโศก ลอยโรคภัยไข้เจ็บและสิ่งไม่ดีให้ไหลไปกับสายน้ำ
ประเพณีลอยกระทงในแต่ละท้องถิ่น ก็จะมีชื่อเรียกในวันลอยกระทงที่แตกต่างกันไปตามภูมิประเทศ เช่น ภาคเหนือ
ก็จะเรียกว่า “งานยี่เป็ง” หมายถึงการทำบุญในวันเพ็ญเดือนยี่ (ซึ่งนับตามแบบล้านนา ตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองในแบบไทย)
ที่เชียงใหม่จะนิยมทำโคมลอย เพื่อปล่อยโคมลอยขึ้นเต็มท้องฟ้า เรียกว่า “ลอยโคม”
แม้ปัจจุบันจะมีประกาศห้ามไม่ให้มีการปล่อยโคมเพื่อป้องกันผลกระทบกับเรื่องของเส้นทางการบิน
และเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้แล้ว
แต่ก็ยังเป็นที่นิยมและสนใจของนักท่องเที่ยวอยู่มาก
นอกจากนี้ยังมี การลอย ”กระทงสาย” ที่จังหวัดตาก เป็นการลอยกระทงขนาดเล็กทยอยเรียงรายไปเป็นสาย
และที่สุโขทัยก็มีประเพณีขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล ไฟพะเนียง
ภาคอีสานที่มีชื่อเสียงโด่งดังเห็นจะเป็นการประเพณีการ “ไหลเรือไฟ” ที่จังหวัดนครพนม และที่จังหวัดสกลนครที่ในอดีตมีการลอยกระทงจากกาบกล้วย ลักษณะคล้ายกับการทำปราสาทผึ้งโบราณ เรียกงานนี้ว่าเทศกาลลอยพระประทีปพระราชทาน
สิบสองเพ็งไทสกล ในส่วนของภาคกลาง เช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็มีการจัดงานประเพณีลอยกระทงกรุงเก่าขึ้นอย่างยิ่งใหญ่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ภายในงานมีการจัดแสดงแสง
สี
เสียง
อย่างงดงามตระการตา ทางภาคใต้ อย่างที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก็มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่เช่นกัน ส่วนในจังหวัดอื่นๆ ก็จัดงานวันลอยกระทงทั่วประเทศแต่อาจจะแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น
Cooking, TIPS & TRICK
เรื่องเล่าของขนม: ขนมจีบ

ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น ลมหนาวพัดมาตอนเช้าๆ นั่งจิบน้ำชาร้อนๆ คู่กับอาหารว่าง
ก็จะดีมากเลยค่ะ ว่าแล้วก็นึกถึงอาหารว่างอีกอย่างหนึ่ง เป็นอาหารว่างที่ทานกันได้ ทุกเพศ ทุกวัย ทานแล้วอิ่มท้อง เป็นอาหารว่างที่ห่อด้วยแผ่นเกี้ยว มีไส้อยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะเป็นไส้หมู ไส้กุ้งหรือปูก็จะมีรสชาติหอมละมุนนุ่มอร่อยมีการห่อคล้ายกับดอกไม้บาน
อาหารว่างนี้ก็คือ ขนมจีบ
ค่ะ เรามาดูประวัติความเป็นมาของขนมจีบกันเลยค่ะ
ขนมจีบเริ่มมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวนโดยบันทึกไว้ว่า ขนมจีบนั้นใช้ข้าวสารนวดเป็นแป้ง ใช้หมู
เป็นไส้ ที่ยอดขนมจีบให้ทำเป็นรูปดอกไม้จากที่บันทึกไว้ทำให้เราทราบกันว่าขนมจีบของจีนมีประวัติยาวนานกว่า 700 ปีแล้วโดยขนมจีบนั้นเดิมทีเป็นวัฒนธรรมของเมืองฮูฮอต มองโกเลียใน จากการนำมาขายในร้านน้ำชา
บนเส้นทางสายไหมจนได้ชื่อว่า (Shao mai) ที่แปลว่า สินค้าที่ขายเป็นงานอดิเรกเครื่องเคียง หรือ อาหารเรียกน้ำย่อย
คู่กับชาถูกนำมายังกรุงปักกิ่งและเทียนจินโดยพ่อค้าจากชานซีในช่วงระหว่างราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ขนมจีบเป็นอาหารว่างที่โดยปกติแล้วมักจะทานตอนสายๆ ก่อนเที่ยง แต่ปัจจุบันก็สามารถหารับประทานได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนดึก ขณะเดียวกันชาวนาตามชนบทเมื่อทำงานเหนื่อยล้าก็จะแวะพักผ่อนและดื่มน้ำชา
ยามบ่ายตามร้านน้ำชาเหล่านี้ ขณะที่ดื่มน้ำชาก็จะต้องมีอาหารกินเล่นเพื่อกินคู่กับน้ำชาบรรดาเจ้าของร้านจึงเริ่มคิดหาอาหารกินเล่นต่างๆ ขึ้นมาจึงเป็นที่มาของติ่มซำในเวลาต่อมา ด้วยความที่เป็นอาหารกินง่ายและรสชาติแปลกใหม่ ขนมจีบจึงกลายเป็นอาหารที่นิยมไปทั่วโลก
Cooking, TIPS & TRICK
เรื่องเล่าของขนม: มันสำปะหลัง

ลมเย็นๆ เริ่มพัดมากลิ่นไอของฤดูหนาวเริ่มชัดเจนมากขึ้น ทำให้นึกถึงสมัยที่ตอนยังเป็น
เด็กอาศัยอยู่ ต่างจังหวัด ที่นั่งล้อมวง
ผิงไฟให้ตัวอุ่นบรรเทาอากาศที่หนาวเย็น
พร้อมกับเผาเผือก
เผามันเทศ
มันม่วงด้วยถ่านกลบขี้เถ้าอุ่นๆ พอสุกแล้วแบ่งกันกิน เข้ากับบรรยากาศเหลือเกิน คนส่วนใหญ่เราจะคุ้นเคยกับการเผา มันเทศ มันม่วงแต่มีมันอีกชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาเผาไฟ
ทานได้เช่นเดียวกันนั่นคือ
มันสำปะหลัง
มันสำปะหลังเป็นพืชดั้งเดิมของชาวพื้นเมืองในเขตร้อนของทวีปอเมริกาตอนกลางและทางเหนือของทวีปอเมริกาใต้ โดยสันนิษฐานไว้ 3 แหล่ง คือ
บริเวณอเมริกากลาง
ทางเหนือของอเมริกาใต้
ประเทศบราซิล โดยพบว่าชาวพื้นเมืองของประเทศเหล่านี้ปลูกมันสำปะหลัง เพื่อใช้เป็นอาหาร หลักฐานทางโบราณคดีมีการค้นพบเครื่องปั้นดินเผาเป็นรูปหัวมันสำปะหลังที่ประเทศเปรู เครื่องปั้นนี้มีอายุประมาณ 2,500 ปี แสดงว่า มนุษย์เรานั้น รู้จักใช้มันสำปะหลังเป็นอาหารมานานเกินกว่า 2,500 ปีมาแล้ว
มันสำปะหลังเป็นพืชหัวชนิดหนึ่ง เป็นพืชอาหารที่สำคัญอันดับ 5 รองจาก ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าว และมันฝรั่ง ชาวไทยเดิม จะเรียกกันว่า มันสำโรง มันไม้ และมัน 5 นาที มันสำปะหลัง จะมีลักษณะเปลือกนอกเหมือนเปลือกไม้ มีด้วยกัน 2 ชนิดคือ มันชนิดหวานจะมีปริมาณกรดไฮโดรไซยานิคต่ำ ไม่มีรสขมและสามารถใช้ทำอาหารได้โดยตรง เช่น พันธุ์ห้านาที พันธุ์ระยอง2 และมันชนิดขมมีปริมาณกรดไฮโดรไซยานิคสูงต้องนำไปแปรรูปก่อนถึงจะนำมาปรุงอาหารทาน ส่วนมากจะนำไปแปรรูปเป็นแป้งมันสำปะหลัง และทำผงชูรสเป็นต้น
มันสำปะหลังมีประโยชน์ตั้งแต่หัวมันที่อยู่ใต้ดินไปจนถึงลำต้นและใบอ่อน ทั้งมีสรรพคุณมากมายอาทิ
ใบอ่อนนำมาต้มให้สุกใช้รับประทานกับน้ำพริก
ช่วยแก้โรคขาดวิตามินบี1
เมล็ดมันสำปะหลังถูกนำมาใช้สกัดเป็นน้ำมันที่มีคุณภาพดี
ที่สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยา
ส่วนของรากหรือหัวมันสำปะหลังเมื่อนำมาใช้ปรุงเป็นอาหาร
จะสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้
ส่วนมากเราจะนำมันสำปะหลังมาปิ้ง และทำขนมเช่น มันเชื่อม ขนมมันที่มีสีสันสวยงามน่าทาน
มีรสชาติหวานมันกลมกล่อม
เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม โรยด้วยมะพร้าว
เพิ่มความอร่อยของขนมได้อีก