Cleaning, TIPS & TRICK
ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง ชนิด A (H3N2)
ในช่วงไม่นานมานี้ หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ ชนิด A (H3N2) ที่ระบาดในฮ่องกง ที่กำลังตกเป็นข่าว จนทำให้เกิดการเล่าลือกันไปว่าเจ้าเชื้อโรคสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่อันตราย สร้างความหวาดกลัวกันเป็นวงกว้าง หลายคนก็ยังคงอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วไข้หวัด H3N2 นั้นมีที่มา อาการ การรักษาและการป้องกันอย่างไร แล้วอันตรายอย่างที่อยู่ในกระแสข่าวจริงไหม
วันนี้ ELVIRA จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้กัน เพื่อความเข้าใจและเพื่อการเตรียมพร้อมรับมือกันได้แบบไม่ต้องตื่นตระหนกค่ะ
ลักษณะการแพร่เชื้อ
ไข้หวัดใหญ่ H3N2 สามารถแพร่เชื้อจากหมูสู่คนได้จากการรับประทานเนื้อหมูที่มีเชื้อไวรัสนี้อยู่ หรือจะเป็นการสัมผัสโดยตรงกับสุกรที่ติดเชื้อ นอกจากนี้การแพร่เชื้อจากคนสู่คนยังมีการแพร่กระจายเช่นเดียวกับการแพร่เชื้อของไข้หวัดใหญ่ทั่วไป อาทิเช่นการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ หรือหากผู้ป่วยจามหรือไอใส่ก็ทำให้ติดเชื้อได้เช่นกัน โดยระยะในการฟักตัวของเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่ที่ประมาณ 1-3 วัน
กลุ่มเสี่ยง เนื่องจากเป็นไข้หวัดใหญ่ที่มีการระบาดจากคนสู่คน กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงควรไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่
- หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
- เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
- เด็กที่ได้รับการรักษาด้วยยาแอสไพรินมาเป็นเวลานาน
- ผู้มีโรคเรื้อรัง คือ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน
- บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้มีน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กก.
- ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
- ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย และ
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
ซึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้อาจมีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตได้หากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง กลุ่มเสี่ยงสามารถรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ฟรีที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน หากมีอาการไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และมีไข้สูง ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็ว ประชาชนสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ลักษณะอาการของผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ H3N2
อาการของไข้หวัดใหญ่ H3N2 มักเริ่มด้วยการเป็นไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก ในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรง อาการจะทุเลาและหายป่วยภายใน 5 – 7 วัน แต่บางรายที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรง จะมีอาการหายใจเร็ว เหนื่อย หอบ หายใจลำบาก อาจทำให้เสียชีวิตได้
วิธีการรักษา
วิธีการรักษาของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ จะรักษาตามอาการ ถ้ามีไข้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว หากไข้ไม่ลดให้รับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล นอนหลับพักผ่อน ให้ดื่มน้ำมากๆ และสวมหน้ากากป้องกันโรคเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคไปสู่ผู้อื่นในกรณีที่ต้องไปยังที่สาธารณะ หากอาการไม่ดีขึ้นใน 48 ชั่วโมง หรือมีอาการรุนแรงให้พบแพทย์ทันที โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงก็ควรได้รับยาและการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อน
การรักษาสามารถรักษาเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วไป โดยให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) และซานามิเวียร์ ภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังจากเริ่มมีอาการ และมีอาการรุนแรง หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงโรครุนแรง ทั้งนี้ผู้ป่วยยังต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์
วิธีการป้องกัน
การป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ H3N2 คือการป้องกันตัวและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอและควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อหรือการสัมผัสกับน้ำลายหรือน้ำมูกของผู้ป่วย และควรจะให้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ H3N2 สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจายจากการไอหรือจาม รวมทั้งผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ควรไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้อีกด้วยเพื่อเป็นการป้องกันอีกทางหนึ่ง
สำหรับการป้องกัน
ขอแนะนำให้ใช้มาตรการ “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ได้แก่
- ปิด คือปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม ต้องใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง หากเจ็บป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ ควรใส่หน้ากากอนามัย
- ล้าง คือล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่เมื่อสัมผัสสิ่งของ เช่น กลอนประตู ลูกบิด ราวบันได ราวจับบนรถโดยสาร
- เลี่ยง คือหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย และ
- หยุด คือเมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรมในสถานที่แออัด แม้ผู้ป่วยจะมีอาการไม่มากก็ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ H3N2 ในตอนนี้สามารถรักษาจนหายเป็นปกติและกลับบ้านได้แล้วค่ะ แม้ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ที่มีความรุนแรงเทียบเท่ากับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป แต่เราก็ประมาทไม่ได้นะคะ เพราะหากติดเชื้อแล้วก็อาจจะทำให้เราต้องเสียการเสียงาน ต้องหยุดพักรักษาตัวอีกด้วย ดังนั้นทางที่ดีก็ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงกันดีกว่าเนอะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยใจกับอาการป่วยและค่ารักษาทีหลัง
ข้อมูลจาก : www.kapook.com , www.pptvhd36.com , www.amarinbabyandkids.com , www.thaihealthycare.com
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Comments are closed