Sewing, TIPS & TRICK
DIY เปลี่ยนเสื้อเก่าเป็นเสื้อใหม่
เชื่อว่าคุณผู้หญิงทุกคนต้องชอบซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ หรืออาจมีเสื้อผ้าอยู่เต็มตู้ที่ใส่บ้างไม่ใส่บ้างใช่ไหมคะ วันนี้แอดมินมี DIY ง่ายๆที่จะเปลี่ยนเสื้อยืดตัวเก่าที่ไม่ค่อยได้ใส่ ให้กลายเป็นเสื้อตัวใหม่เอาไว้ใส่เอง หรือทำให้ลูกหลานใส่ก็น่ารักไปอีกแบบค่ะ
อุปกรณ์
- เสื้อยืด 1 ตัว
- กรรไกรตัดผ้า
- ช็อล์กขีดผ้า
- เข็มหมุด
- เชือกสำหรับทำสายคล้องคอ
- อุปกรณ์ตกแต่ง เช่น ผ้าลูกไม้ เป็นต้น
แปลงโฉมเสื้อตัวเก่าเป็นเสื้อตัวใหม่
- เอาเสื้อมาตัด
ขั้นตอนแรก เตรียมเสื้อยืดที่เราไม่ได้ใส่ หรือจะเป็นตัวที่เราชอบก็ได้ค่ะ เอามาวัดขนาดให้พอดี ตัดแขน และคอเสื้อเดิมออก ตามรูปเลยค่ะ
- เมื่อตัดแขนและคอเดิมออกแล้ว จะได้เป็นคล้ายๆเสื้อเกาะอก ตามรูปค่ะ
- กลับด้านของเสื้อ
กลับเสื้อเอาด้านในออกมา วัดคอเสื้อลงมา 2 เซนติเมตร แล้วพับลงมาเอาเข็มหมุดกลัดไว้หลวมๆ ทำทั้ง 2 ฝั่งเลยนะคะ ขั้นตอนนี้ การพับลงมาอาจเปลี่ยนแปลงขนาดได้ตามขนาดของเชือกที่จะเอามาร้อยทำเป็นสายคล้องคอได้นะคะ
- เย็บปิด
จากนั้นเย็บปิดรอยตามที่เรากลัดเข็มหมุดไว้ตามรูปค่ะ ขั้นตอนนี้แนะนำให้ใช้จักรเย็บผ้า ชิ้นงานจะได้เรียบร้อยนะคะ
- กลับเสื้ออีกรอบ
เมื่อเย็บแล้วให้กลับผ้าเอาด้านนอกออกเหมือนเดิมจะได้ตามภาพเลยค่ะ
- สอดเชือก
นำเชือกที่เตรียมไว้มาสอดช่องที่เราเย็บไว้แล้วมัดเป็นปมให้สวยงาม
- ตกแต่งให้สวยขึ้นไปอีก
อาจจะตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้สวยๆ เพิ่มความเก๋ได้อีกแบบค่ะเป็นอันเสร็จ
เท่านี้เราก็ได้เสื้อตัวใหม่ไว้ใส่เก๋ๆ จะใส่ไปเที่ยววันธรรมดา หรือไปทะเลวันชิลๆก็ได้ สวยแถมทำได้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ ได้เอาเสื้อตัวเก่าๆมาใส่ซ้ำได้อีก ประหยัดเงินแถมสวยอีกด้วย ลองเอาไปทำตามกันดูนะคะ
TIPS & TRICK
วิธีดูแลตัวเองเมื่อฝนมา
ช่วงนี้ฝนตกบ่อยนะคะ เอลวิร่าเคยเสนอวิธีการดูแลเสื้อผ้าช่วงที่ฝนตกบ่อยกันไปแล้ว ทีนี้เรามาดูวิธีการดูแลตัวเองในช่วงฤดูฝนกันบ้างค่ะ
1. เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับหน้าฝน
จะต้องเลือกเนื้อผ้าที่สวมใส่สบาย สามารถระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน เพราะเป็นผ้าที่เบา สวมใส่สบาย ซับเหงื่อได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการนำมาใส่ในช่วงหน้าร้อน รวมทั้ง หน้าฝน เนื่องจากเป็นผ้าที่เมื่อเปียกแล้วแห้งง่าย
2. หากผมโดนฝนต้องรีบสระทันที
กลางกระหม่อมของเรามีจุดระบายความร้อนอยู่ และเป็นที่ตัดกันของจุดลมปราณหลายๆ จุด เมื่อโดนฝนจุดกลางกระหม่อมนี้ได้รับความเย็น ก็อาจทำให้เราไม่สบายได้ การไปอาบน้ำ สระผมทำให้ร่างกายปรับสมดุล ไม่ได้เย็นอยู่เพียงจุดเดียว อีกประเด็นฝนนำพาเชื้อโรคต่างๆ เมื่อเราโดนฝนทำให้เรามีโอกาสจะไม่สบายมากขึ้น ต้องรีบไปสระผม รีบล้างเชื้อโรคออก
3. รับประทานผักและผลไม้ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ผักและผลไม้สดจะอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ ทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายแข็งแรง และยับยั้งการเกิดโรคได้ และยังช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย ผักและผลไม้ที่ควรทานเช่น บร็อคโคลี่ ส้ม ฝรั่ง ขิง ขมิ้นชัน กระเทียม เป็นต้น
4. ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์
การล้างมือบ่อยๆจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของไวรัส
5. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร
ลิตร ในแต่ละวันเราควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร ควรเป็นน้ำอุณหภูมิห้อง หรือน้ำอุ่น เพื่อควบคุมระดับอุณหภูมิของร่างกายให้ปกติ การดื่มน้ำช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายไม่ขาดน้ำ และสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้ผิวหนังเพื่อลดโอกาสที่เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกาย
6.หลีกเลี่ยงที่แออัด
ที่ที่มีคนอยู่หนาแน่นจะทำให้ติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากสถานที่ที่แออัดคือสถานที่ที่ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงบุคคลต่างๆได้ เราไม่สามารถทราบได้ว่า คนไหนมีเชื้อโรคติดตัวมาด้วยหรือเปล่า
7. พกร่มและเสื้อกันฝนเพื่อไม่ให้ร่างกายเปียกฝน
ช่วงหน้าฝนควรพกร่มและเสื้อกันฝนติดตัวไว้ด้วยนะคะ ร่างกายเราจะได้ไม่เปียกฝน จะสามารถลดการอับชื้นและการสะสมเชื้อราอันเป็นสาเหตุของการไม่สบายตัวและนำไปสู่การเป็นหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ได้
นอกจากนี้แนะนำให้เลือกสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อบางเบา สามารถระบายอากาศได้ดี เนื้อผ้าไม่หนาจนเกินไปและไม่บางมากจนเกินไปเพราะหากเปียกฝนจะทำให้แห้งง่าย เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นเสมอ มีภูมิต้านทานได้ดี ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคปอดบวม โรคทางผิวหนัง อย่างไรก็ดี หลังจากเปียกฝนมาใหม่ๆ ควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออกทันที เช็ดผมให้แห้งเพื่อให้ร่างกายเกิดความอบอุ่น
ช่วงนี้ฝนตกบ่อย ดูและสุขภาพกันด้วยนะคะ ^^
Sewing, TIPS & TRICK
ความรู้เรื่องเข็ม
เข็มเป็นส่วนสำคัญในการเย็บจักร การเข้าใจในการเลือกใช้ชนิด ขนาด และการดูแลเข็มจักร จะทำให้สร้างผลงานตัดเย็บที่สวยงามไม่มีปัญหาติดขัดค่ะ ต้องเปลี่ยนเข็ม… เมื่อเข็มทื่อ สังเกตจาก ฝีเข็มกระโดด เสียงดัง(ปุกๆๆ) เพราะเข็มทื่อจึงไปสะกิดเส้นใยผ้าทำให้ผ้าย่นหรือรั้งค่ะเข็มเย็บผ้าที่ ELVIRA นำเข้ามาขาย คือยี่ห้อ SCHMETZ เป็นเข็มคุณภาพดีจากเยอรมันค่ะ
การดูเข็ม
เข็มเย็บผ้า ที่เราใช้กับจักรเย็บผ้าเอลวิร่าเป็นเข็มที่ใช้เฉพาะกับจักรบ้าน รูปตัวอย่าง ยี่ห้อ SCHMETZ จากเยอรมัน มีวิธีดูตามรูปตัวอย่างนะคะ
ระบบ 130/705 H เป็นเข็มสำหรับจักรบ้าน ซึ่งก้านเข็มอีกด้านแบน เวลาใส่จักรให้เอาด้านแบนหันออกนอกตัวเราค่ะ
Universal เป็นประเภทเข็มใช้ทั่วไป กรณีเป็นเข็มสำหรับผ้าพิเศษจะมีบอกค่ะ เช่น H-S (Stretch) ใช้กับผ้ายืด , H-J (Jeans/Denim) ใช้กับ ยีนส์
80/12 คือขนาดเข็มค่ะ ระบบยุโรปเบอร์ 80 และระบบอเมริกันเรียกเบอร์ 12 ขนาดเข็มมีให้เลือกตั้งแต่ขนาดเล็ก – ใหญ่ควรเลือกให้เหมาะกับการเย็บแต่ละและเนื้อผ้าค่ะ
เลือกขนาดเข็ม
เพื่อให้ชิ้นงานเย็บออกมาดี ควรเลือกใช้เข็ม ด้าย ให้พอดี เหมาะสมกับชนิดของผ้า โดยดูจากขนาดความโตของเว้นด้ายหากใช้ด้ายเส้นเล็กบางเบา ควรใช้เข็มขนาดเล็ก หากใช้เข็มขนาดใหญ่ก็ควรใช้ด้ายขนาดใหญ่
ขนาดเข็มจักรเย้บผ้าเริ่มตั้งแต่ขนาดเล็ก-ใหญ่ สำหรับยี่ห้อ SCHMETZ จากเยอรมันเป็นเข็มระบบยุโรปค่ะ
ชนิดของเข็ม
เพื่อลดปัญหาในการเย็บผ้าชนิดพิเศษต่างๆ ควรเลือกเข็มให้เหมาะกับเนื้อผ้าที่มีเส้นใยแตกต่างกัน
เข็มเย็บผ้าธรรมดา 130/705 H
เป็นเข็มเย็บผ้าธรรมดา ซึ่งจะมีขนาดเข็มหลายขนาดให้เลือกใช้ได้เหมาะกับเนื้อผ้าค่ะ
เป็นเข็มเย็บผ้าขนาดเล็ก ออกแบบมาให้เหมาะกับการเย็บผ้าเนื้อบางๆ เช่น ผ้าชีฟอง ผ้าแก้ว ผ้ามัสลิน ควรใช้คู่กับด้ายเส้นเล็กเช่น ด้ายโพลีเอสเตอร์ เมื่อเย็บแล้วจะได้ตะเข็บที่ สวยเนียนกลมกลืนกับเนื้อผ้า ดูสินค้า เข็มเบอร์ 60
เหมาะกับการเย็บผ้าเนื้อบาง เช่น ผ้า สำหรับชุดเด็ก ผ้ามัสลิน ผ้าแพร ควรใช้คู่กับด้ายเส้นเล็กข้อแนะนำ : การเย็บผ้าเนื้อบางมากๆ การใช้คู่กับตีนผีเย้บผ้าบางจะช่วยให้ตะเข็มสวยงามมากขึ้นค่ะข้อควรระวัง : เข็มขนาดเล็กมากไม่สามารถใช้ที่สนเข็มอัตโนมัติได้ต้องสนเข็มด้วยมือค่ะ ดูสินค้า เข็มเบอร์ 70
เหมาะกับการเย็บผ้าเนื้อบางถึงปานกลาง เช่น ผ้า สำหรับชุดเด็ก ผ้ามัสลิน ผ้าแพร ควรใช้คู่กับด้ายเส้นเล็ก และใช้คู่กับไหมปักในกรณีที่ปักลวดลายต่างๆ ดูสินค้า เข็มเบอร์ 75
เหมาะสำหรับผ้าธรรมดาทั่วไปเนื้อปานกลาง เช่น ผ้าคอตตอน ผ้าซาติน ผ้าลินิน ผ้าขนสัตว์เนื้อบาง สามารถใช้ได้กับกับด้ายเย็บทั่วไป ด้ายเมจิกสปัน ดูสินค้า เข็มเบอร์ 80
ใช้เย็บผ้าธรรมดาทั่วไปเนื้อปานกลาง-หนา เช่น ผ้าคอตตอนเนื้อหนา ดูสินค้า เข็มเบอร์ 90
ใช้เย็บผ้าธรรมดาทั่วไปเนื้อหนา เช่น ผ้าทำกระเป๋า ผ้าใบ ดูสินค้า เข็มเบอร์ 100
เข็มเย็บผ้าธรรมดา เบอร์ 110
ใช้เย็บผ้าธรรมดาทั่วไปเนื้อหนาพิเศษ เช่น ผ้าทำกระเป๋าเนื้อหนา ผ้าใบ
เข็มจักรแซกริมผ้า EL X 705
จักรแซกริมผ้าหรือเรียกง่ายๆ ว่าจักรโพ้ง เป็นการแซกริมผ้าที่เกิดจากการถักคล้องกันด้วยด้าย 3-4 เส้น ซึ่งมีเข็มด้ายบนและตัวคล้องด้ายด้านล่างสองอันที่เรียกว่าLoop ถักกัน เป็นตะเข็บแวกริมผ้าสวยงาม เข็มจักรแซกริมผ้า มีร่องเข็ม 2 ด้าน ทั้งหน้าและหลัง (เข็มที่ใช้กับจักรเย็บผ้าธรรมดามีร่องเข็มด้านเดียว)เพื่อความสะดวกในการถักคล้องกัน จึงเหมาะกับจักรโพ้งค่ะดูสินค้า เข็มจักรแซกริมผ้าเบอร์ 80
หมายเหตุ
จักรแซกริมผ้าเราสามารถใช้เข็มจักรธรรมดาเย็บได้ แต่เพื่อให้การโพ้งราบรื่นขึ้น ตะเข็บสวยงาม จึงนิยมเลือกใช้เข็มจักรแซกริมผ้าค่ะ
เข็มควิลท์ติ้ง 130/705 H-Q
บอดี้เข็มผอมเรียว ปลายเข็มกลมมน สามารถเย็บผ่านใยโพลีเอสแตอร์ได้ดี ออกแบบมาสำหรับงานควิลท์โดยเฉพาะช่วยให้เรา Quilt, Appliqué, Patchwork บนใยโพลีเอสเตอร์ ได้ง่าย นิ่มนวล ลื่น ได้ผลงานที่ปราณีตยิ่งขึ้น ดูสินค้า เข็มควิลท์
เข็มเย็บผ้ายืด 130/705 H-S
เข็มเย็บผ้ายืด 130/705 H-S
ผ้ายืดทอแบบห่วง (knitting) มีความยืดหยุ่น เข็มเย็บผ้ายืดจะช่วยให้เย็บง่าย และควรใช้ตะเข็บที่มีความยืดหยุ่นสูงและฝีเข็มสวยปราณีตค่ะเข็มถูกออกแบบมาให้มีปลายมน เพื่อลดการฉีกขาดของเส้นใยผ้ายืด และลดปัญหาตะเข็บกระโดด ผ้ายืดเนื้อบาง-ปานกลาง เช่น ผ้าเจอร์ซี่ผ้าชุดว่ายน้ำ ผ้ายืดเนื้อบาง-ปานกลางนิยมใช้เข็มเย็บผ้ายืดเบอร์ 75 ผ้ายืดเนื้อปานกลาง- หนา นิยมใช้เข็มเย็บผ้ายืดเบอร์ 90
ดูสินค้า เข็มเย็บผ้ายืดเบอร์ 75
ดูสินค้า เข็มเย็บผ้ายืดเบอร์ 90
เข็มเย็บยีนส์ 130/705 H-J
ออกแบบมาให้มีปลายแหลมพิเศษ เพื่อสามารถเย็บผ้ายีนส์ ซึ่งเป็นผ้าเนื้อแข็ง ได้อย่างแนบเนียน สวยงาม
ดูสินค้า เข็มเย็บยีนส์เบอร์ 90
เข็มเย็บหนัง 130/705 H-LL
ออกแบบมาให้มีปลายแหลมเหมือนปลายหอก เพื่อให้สามารถเย็บหนังได้อย่างสะดวก ไม่ควรใช้เข็มเย็บหนังไปเย็บผ้าธรรมดา เพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย
ดูสินค้า เข็มเย็บหนังเบอร์ 100
เข็มเย็บผ้าเพื่อการตกแต่ง
เป็นเข็มชนิดพิเศษ ใช้เย็บเพื่อให้เกิดลวดลายที่น่าสนใจบนชิ้นงานค่ะ
เป็นเข็มที่มีปีกเพื่อถ่างผ้าให้เกิดรูตลอดแนวที่เย็บ เข็มจะเจาะผ้าเป็นรูและด้ายจะมัดรูนั้นเอาไว้ให้เกิดเป็นลวดลายใช้ตกแต่งงานปักฉลุ (Hemstitch) Heirloom เข็มพายออกแบบมาให้มีปีกคล้ายใบพายเพื่อถ่างผ้าให้เกิดรูตลอดแนวที่เย็บและเส้นด้ายจะไปมัดรูที่เย็บไว้ ใช้เย็บงานปักฉลุ Heirloom นิมยมตกแต่งเสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าสุภาพสตรี ผ้าม่าน ของใช้อื่นๆข้อแนะนำ : เพื่อให้การเจาะฉลุเกิดรูชัดเจนควรใช้กับผ้าคอตตอน ลินิน และมัสลินค่ะ
ดูสินค้า เข็มพายเบอร์ 100
ออกแบบมาพิเศษ ให้มีเข็ม 2 เล่มในก้านเดียวกัน ใช้ได้เส้นตรงและลายตกแต่งค่ะ
1. ด้ายบน ให้ด้าย 2 เส้นโดยกรอด้ายใส่ไส้กระสวย 2 อัน ร้อยด้ายตามปกติ แล้วแยกร้อยใส่ปลายเข็มทั้ง 2
2. เวลาร้อยด้ายเข้าเข็มไม่สามารถใช้ที่สนเข็มได้ ต้องใช้มือสนเข็มเองค่ะ 3. ด้านล่างใส่ไส้กระสวยตามปกติค่ะ
ดูสินค้า เข็มคู่เบอร์ 2.0/80
ข้อแนะนำ : เข็มคู่เป็นเข็มที่มี 2 เล่มในก้านเดียวกันเวลาเย็บลายปักจึงกว้างขึ้นกว่าปกติ ทำให้ เข็มไปชนตีนผีเป็นสาเหตุให้เข็มหักได้ดังนั้นเพื่อป้องกันเข็มหัก ต้องลดความกว้างของลายให้น้อยลง ลดความตึงด้ายบนลงเล็กน้อย เริ่มเย็บช้าๆ ไม่ควรใช้ความเร็วมากเกิน ไปค่ะ
เข็มจักรที่มาพร้อมกับจักรเย็บผ้า ELVIRA
เมื่อซื้อจักรเย้บผ้าเอลวิร่ารุ่น Renova Touch E, Renova Party E, Innova Plus E, Diana Plus E จะมีเข็มให้ 1 กล่อง
– เข็มเย็บผ้าธรรมดา เบอร์ 75 จำนวน 2 เล่ม สำหรับเย็บผ้าเนื้อปานกลาง
– เข็มเย้บผ้าธรรมดา เบอร์ 90 จำนวน 2 เล่ม สำหรับเย็บผ้าหนา
– เข็มเย็บผ้ายืด จำนวน 1 เล่ม ก้านเข็มแต้มสีน้ำเงิน (กรณีมาซื้อเพิ่มเข็มยี่ห้อ SCHEMETZ ของเยอรมันใช้ก้านเข็ม สีเหลืองทองค่ะ)
เมื่อซื้อจักรเย็บผ้ารุ่น Smoothie, Sweetie, Cherry ในกล่องอุปกรณ์จะมีเข็มให้ 1 ห่อเข็มจักรเย็บผ้าธรรมดาเบอร์ 14 เหมาะกับการเย็บผ้าหนา (เมื่อเทียบเข็ม SCHMETZ ระบบยุโรป เทียบกับเบอร์ 90 ค่ะ)
จะต้องเปลี่ยนเข็มเมื่อไหร่
เข็มเย็บผ้าจะมีการสึกหรอเมื่อผ่านการใช้งานไปถึงระยะหนึ่งนะคะ เราควรที่จะเปลี่ยนเข็มเมื่อเราเย็บผ้าแล้วเข็มมีอาการดังนี้ค่ะ
- เมื่อเข็มทื่อ เราควรจะเปลี่ยนเข็มใหม่ สังเกตจากฝีเข็มกระโดด เสียงดัง(ปุกๆๆ) หรือเข็มทื่อจึงไปสะกิดเส้นใยผ้าทำให้ผ้าย่นหรือรั้ง
- เมื่อเข็มงอ วิธีสังเกต วางด้านเรียบของเข็มบนพื้นเรียบๆ เช่น กระจก หากเข็มงอจะเห็นได้ชัดเจนค่ะ
Cleaning, TIPS & TRICK
ตรุษจีนนี้เที่ยวไหนดี..?
เชื่อว่าคนไทยเชื้อสายจีนทุกคนต้องตื่นเต้นกับเทศกาลตรุษจีน นอกจากการจับจ่ายใช้สอย การไหว้ และอั่งเปานั้น สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ การไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ในวันตรุษจีนนั่นเองค่ะ
วันนี้แอดมินมีสถานที่จัดงานตรุษจีนน่าเที่ยวแต่ละจังหวัดมาแนะนำทุกคนค่ะ
1. จังหวัดสุพรรณ ตรุษจีนเมืองสุพรรณบุรี มหัศจรรย์ 12 ปี มังกรสวรรค์
วันที่ 25-26 มกราคม 2563 เวลา 17.30 – 22.00 น. บริเวณอุทยานมังกรสวรรค์
นอกจากจะได้รับชมกิจกรรมที่ทางจังหวัดจัดแสดงแล้ว ยังมีคอนเสิร์ตจากศิลปินมากมาย
สอบถามรายละเอียอดเพิ่มเติมที่
ที่ทำการปกครองจังหวัดสุพรรณบุรี โทร 035-535380
ททก.สำนักงานสุพรรณบุรี โทร 035-525867 และ 035-525880
ที่มา : http://www.suphan.biz/chinesenewyear.htm
2. เมืองพัทยา
วันที่ 25 มกราคม 2563 บริเวณลานกิจกรรมพัทยากลาง และถนนคนเดินเมืองพัทยา ภายในงานจะพบกับกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น การเชิดสิงโต การแสดงจากศิลปินต่าง ๆ แถมยังมีการประกวดต่าง ๆ
มีการบวงสรวงถวายเครื่องราชสักการะสิ่งศักดิ์สิทธื์เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่
ฝ่ายส่งเสริมวัฒนธรรมการท่องเที่ยว โทร 0 3825 3100 ต่อ 3130
Pattaya Center 1337 ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา : https://www.pattayacityevents.com
3. จังหวัดนครสวรรค์ สืบสานงานประเพณี แห่เจ้าพ่อ เจ้าแม่ปากน้ำโพ
วันที่ 18-29 มกราคม 2563 จัดกัน 12 วัน 12 คืนไปเลย กับจังหวัดนครสวรรค์ นอกจากกิจกรรมภายในงานต่าง ๆ ยังมีขบวนแห่ ทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยนะคะ
วันที่ 27 มกราคม ขบวนแห่กลางวัน
วันที่ 28 มกราคม ขบวนแห่กลางคืน
พิเศษมากๆสำหรับคนที่ไปร่วมงาน สามารถสักการะองค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ต้นแบบ จากประเทศจีน โดยจะประดิษฐาน ณ อาคารพาสาน Landmark
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 0 5622 1811 2
ที่มา : https://www.facebook.com/pg/paknamphochinesenewyear
4. จังหวัดนครราชสีมา
วันที่ 25-27 มกราคม 2563 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีและถนนจอมพล
ภายในงานมีการออกร้านจำหน่ายอาหารจีนจากภัตตาคารชื่อดังของโคราช รวมถึงมีการแสดงไทยจีนร่วมสมัยต่าง ๆ สัมผัสกลิ่นอายบรรยากาศถนนสายวัฒนธรรม
มีการประกวด Miss Chinese New Year Korat และรับชมดนตรีโฟคซอง ยุค 80-90
สอบถามรายละเอียอดเพิ่มเติม โทร 044 234 600
ที่มา : https://www.facebook.com/PRmunicipalitykorat
5.เยาวราช
วันที่ 25-26 มกราคม 2563 เวลา 12.00 – 00.00 น. บริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา ถนนเยาวราช
สำหรับใครที่ไม่ได้ออกต่างจังหวัด ก็สามารถเที่ยววันตรุษจีนได้เหมือนกันค่ะ โดยสถานที่จัดก็คุ้นเคยกันอยู่แล้ว นั่นคือเยาวราชนั่นเองค่ะ งานเริ่มเที่ยงวันไปจนเที่ยงคืน เที่ยวกันได้เต็มอิ่มในวันตรุษจีน
ภายในงานมีทั้งการแสดงต่างๆ มีการออกบูธจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
มีมินิคอนเสิร์ตจากสิงโต นำโชค ไอซ์ ศรัญยู และเจนนิเฟอร์ คิ้ม และสัมผัสของดีประจำเยาวราชอีกมากมาย
ที่มา : https://mgronline.com
Cooking, TIPS & TRICK
น้ำพริก! ทานแล้วดีต่อสุขภาพ
ใครชอบทานน้ำพริกบ้าง ยกมือขึ้น !!! เชื่อว่ามีคนยกมือกันพรึ่บพรับแน่นอน ประเทศไทยเราสมัยก่อนเคยมีน้ำพริกมากกว่า 500 ประเภท ปัจจุบันเหลืออยู่ 200 ประเภทเท่านั้น ในแต่ละท้องถิ่นจะมีส่วนประกอบของน้ำพริก วิธีการทำ และวิธีการกิน แตกต่างกันไป เช่นน้ำพริกเห็ด น้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาทู น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกหนุ่ม และน้ำพริกไข่เค็ม วันนี้ ELVIRA ได้รวบรวมประโยชน์คุณค่าสารอาหาร ของน้ำพริกมาแบ่งปันกัน ว่าอาหารรสชาติเผ็ดร้อนจานนี้ มีคุณค่าทางสารอาหารที่เราคาดไม่ถึงอีกมากมาย เพราะในน้ำพริกมีส่วนผสมของสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพซึ่งมีส่วนประกอบทั่วไปคือ พริก กระเทียม หอมแดง กุ้ง น้ำปลา และปลาร้า ฯลฯ แต่ละส่วนประกอบเหล่านี้ก็มีคุณค่าทางสารอาหารแต่ละอย่างแตกต่างกันไป
โดยรวมน้ำพริก สามารถเพิ่มการสร้างเซลล์กำจัดเชื้อโรคได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่งเสริมระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบการหายใจให้ดีขึ้น ซึ่งช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน น้ำพริกมีส่วนประกอบของ antioxidants และ anti-ageing ซึ่งสามารถลดการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ได้ร้อยละ 20 และ โรคทางสมอง ได้ถึงร้อยละ 26 ถึง 42 เลยทีเดียว
นอกจากนี้ น้ำพริกยังเป็นตัวกระตุ้นให้คนทั่วไปนิยมทานผักมากขึ้นด้วย เพราะรสชาติที่เผ็ดร้อนทำให้ต้องมีผักกินเป็นเครื่องเคียงเพื่อลดความจัดจ้าน ซึ่งผักที่เอามากินคู่กับน้ำพริกแต่ละอย่าง และแต่ละฤดูกาล แม้กระทั่งแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกันออกไป เหตุนี้เองที่ทำให้การกินน้ำพริกได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากโข ทางการแพทย์ยืนยันแล้วว่าเส้นใยของผักช่วยในระบบการย่อยอาหาร มาดูประโยชน์จากส่วนผสมอื่นๆกันบ้าง
พริก คือ ส่วนประกอบที่สำคัญในการทำน้ำพริก พริกทุกชนิดมีสารแคปไซซิน ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการป้องกันความชรา มีสารแคโรทีนอยด์ ซึ่งล้วนมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้สดชื่น ตื่นตัว ขับลมในลำไส้ กระตุ้นการเจริญอาหาร และยังมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด เสริมการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย เหมาะกับใครที่แพ้อากาศหรือเป็นหวัดบ่อย
หอมแดง กระเทียม จะมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีโปรเตสเซียมเยอะ ทางการแพทย์ระบุว่ามีคุณสมบัติช่วยให้เซลล์แข็งแรง และยังจะได้น้ำมันจากกระเทียมซึ่งเป็นสารแอนตี้เซปติก ช่วยป้องกันการติดเชื้อ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ และลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยให้การไหลวียนของเลือดดีขึ้น โดยเฉพาะกระเทียม มี อัลซิลิน (allicin) และซัลเฟอร์ (sulfur) สูง ช่วยลดอาการขาดหลุดร่วงของเส้นผม ลดความดันโลหิต ช่วยไม่ให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มหรืออุดตันตามผนังหลอดเลือด จึงช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิตและเสริมภูมิต้านทานร่างกาย ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ ขับลมในกระเพาะอาหารได้ และในหอมแดงยังมีฟอสฟอรัสปริมาณสูง ช่วยบำรุงประสาทและความจำ ทำให้สมองแจ่มใส ช่วยเจริญอาหาร ช่วยลดความร้อนในร่างกาย แก้หวัดคัดจมูก ขับลมในลำไส้ได้อีกด้วย
กุ้งแห้ง มีแคลเซียมสูง ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง
กะปิ มีวิตามินบี 12 ช่วยบำรุงระบบประสาท เสริมการสร้างเม็ดเลือด ช่วยป้องกันอาการโลหิตจางได้เป็นอย่างดี และมีแคลเซียมสูงกว่านมวัว 15 เท่า (น้ำพริก 1 ถ้วย ใช้กะปิ 20-30 กรัม ให้แคลเซียม 500 ม.ก.) ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้ กะปิยังให้โซเดียมโปรแตสเซียมและไอโอดีนอีกด้วย ประโยชน์ที่โดดเด่นสุดๆ ก็คือสารแอสตาแซนทิน (Astaxanthin) ที่พบในสัตว์ทะเลอย่างกุ้ง หรือเคย ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมากต่อร่างกายและผิวพรรณค่ะ
ข่า ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับลมแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเดิน แก้บิด แก้แน่นหน้าอก และบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน
ตะไคร้ ช่วย ลดความดันโลหิตสูง ขับเหงื่อ แก้หวัด แก้ปวดศีรษะ แก้อาการขัดเบา ช่วยขับปัสสาวะ แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด ช่วยขับลมในลำไส้ บรรเทาอาการไอ แก้เบื่ออาหาร เป็นยาบำรุงธาตุไฟ
มะกรูด น้ำมะกรูดช่วยให้เจริญอาหาร แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม ช่วยขับและละลายเสมหะ บรรเทาอาการไอ ใบมะกรูดช่วยรักษาอาการจุกเสียดและขับลมในลำไส้
มะขามเปียก มีวิตามินซี และวิตามินเอ มีแคลเซียม เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก ช่วยขับเสมหะช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยเจริญอาหาร บำรุงธาตุ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ แก้อาเจียน ลดความดันโลหิต ช่วยให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดี ลดอาการบวม แก้ไขข้ออักเสบ
มะเขือพวง มีเส้นใยสูง ป้องกันท้องผูก และยังมี ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ส่วนประกอบของพริกแกงมีสารต้านมะเร็ง ส่วนขมิ้นมีสารเคอมิวมิน กรดเฟอลิกฟลาโรวอยด์ เป็นสารต้านมะเร็ง
เห็นไหมคะว่าประโยชน์จากน้ำพริกนั้นอัดแน่นจริงๆ จากส่วนประกอบของน้ำพริกแล้ว ยังจะได้วิตามินและเกลือแร่จากผักต่างๆที่นำมาต้มทานแกล้มน้ำพริกอีกด้วย มื้ออาหารมื้อต่อไปอย่าลืมเพิ่มเมนูน้ำพริกลงไปในมื้ออาหารกันนะคะ
ที่มา : http://bit.ly/2yhQO2p
http://bit.ly/2kFVOcp
http://women.trueid.net/detail/27865
http://naturespice.co.th
News & Events, NEWS
ภาพบรรยากาศงาน 37th ELVIRA Exhibition : A Colourful Party
จบกันไปแล้วนะคะ กับงาน 37th ELVIRA Exhibition : A Colourful Party ที่เกตเวย์เอกมัย ที่รวมเอาผลงานการตัดเย็บเก๋ๆ และกิจกรรมสำหรับแฟนคลับจักรเย็บผ้าเอลวิร่าได้มานั่งเย็บผลงานกันในงานกันเลยค่ะ ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่มาร่วมงานด้วยนะคะ ^^ สำหรับท่านที่ยังไม่ได้มาร่วมงาน ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ เอลวิร่าจะมีกิจกรรมเช่นนี้อีกตลอดทั้งปีนะคะ
ไปค่ะ ไปดูรูปกันนะคะ ^^
Cooking, TIPS & TRICK
11 ความมหัศจรรย์!! ของการดื่มน้ำเปล่า
ใครๆ ก็รู้ว่า น้ำเปล่าดื่มแล้วดีต่อสุขภาพ ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย ยังช่วยในเรื่องการขับถ่าย และบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่น ไม่แห้ง ดูมีน้ำมีนวล ราคาไม่แพง นอกเหนือจากนั้นละ…มีใครรู้ถึงประโยชน์ของการดื่มน้ำเปล่าอีกบ้าง วันนี้ ELVIRA จะพาแฟนๆ มารู้จัก 11 ความมหัศจรรย์ของน้ำเปล่ากันค่ะเรียกได้ว่าคัดเอาแต่ที่เด็ดๆ ทั้งหมด มาดูกันว่ามันน่าว๊าวววว ขนาดไหน รับรองว่าเมื่ออ่านจบแล้ว แฟนๆ ต้องหันมาดื่มน้ำเปล่าแทนการดื่มน้ำอัดลมแน่นอนค่ะ
1. ดื่มน้ำช่วยลดอาการอ่อนเพลีย
สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดการอ่อนเพลียก็คือภาวะขาดน้ำ ดังนั้นการดื่มน้ำจะทำให้ร่างกายภายในชุ่มชื้นขึ้น และลดภาวะขาดน้ำได้ ช่วยให้รู้สึกสดชื่นมีแรงขึ้นกว่าเดิม ใครที่กำลังรู้สึกอ่อนเพลียลองจิบน้ำดูนะคะ รับรองว่าช่วยได้แน่นอน
2. ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ผลดียิ่งขึ้น
สาวๆ ได้ยินคงหันมาดื่มน้ำเปล่ากันมากขึ้นละงานนี้ เพราะการดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารจะช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้องและรับประทานอาหารได้น้อยลง รวมทั้งถ้าหากดื่มน้ำขณะที่กำลังหิวๆ ละก็ จะช่วยลดความอยากอาหาร หรือพฤติกรรมการทานจุกจิกได้เป็นอย่างดี นั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้น้ำหนักของเราลดลงด้วย การดื่มน้ำก็ยังช่วยเพิ่มการทำงานของระบบการเผาผลาญอีกด้วยโดยเฉพาะน้ำเย็น สามารถช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้มากขึ้นเยอะเลยล่ะ
การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วจะช่วยให้ปริมาณไขมันในร่างกายของเราให้ลดลงได้ หากเราดื่มเพียงน้ำเปล่าภายในระยะเวลาแค่ 9 วัน สามารถทำให้น้ำหนักของคุณลดลงราวกับว่าคุณไปออกกำลังกายวิ่งจ๊อกกิ้งมา 8 กิโลเมตรใน 1 วันได้อย่างไม่หน้าเชื่อ
3. ขจัดสารพิษในร่างกาย
ช่วยรักษาสุขภาพไตให้แข็งแรง ใครก็รู้ว่าไตเป็นอวัยวะที่สำคัญในการขับสารพิษออกจากร่างกาย เมื่อไตกรองสารพิษในของเหลวที่อยู่ในร่างกายแล้วก็จะถูกขับออกมาในรูปแบบต่างๆ อาทิเช่น เหงื่อ และปัสสาวะ การดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกมาได้ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดการติดเชื้อในท่อปัสสาวะและนิ่วในไตได้
4. ช่วยรักษาโรคหลายๆ ชนิดได้
*ช่วยลดอาการปวดต่างๆ เช่น การปวดหลังหรือบั้นเอว ปวดตามข้อ
* รักษาอาการปวดหัวได้
อาการไมเกรนและปวดหลัง แท้จริงแล้วอาจมีสาเหตุมาจากภาวะขาดน้ำในร่างกายได้ ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างเพียงพอนี่ล่ะจะสามารถช่วยลดอาการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ไม่เชื่อก็ลองดื่มน้ำเยอะๆ เวลาปวดหัวดูสิ จะรู้สึกเลยว่าอาการปวดหัวเบาลงเลยล่ะ
* ป้องกันโรคมะเร็ง
มีการศึกษาหนึ่งพบว่าการดื่มน้ำมากๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เพราะการดื่มน้ำมาก ๆ จะทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น ซึ่งการปัสสาวะบ่อยๆ จะช่วยลดการก่อตัวของสารก่อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะได้ นอกจากนี้การดื่มน้ำอย่างเพียงพอไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำก็ยังช่วยลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเต้านมได้อีกด้วยค่ะ
* ป้องกันตะคริว และอาการเคล็ด
ภาวะขาดน้ำส่งผลให้ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและสารหล่อลื่นระหว่างข้อต่อต่าง ๆ ลดน้อยลง จนอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้นการดื่มน้ำจึงจำเป็นต่อกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ ถ้าไม่อยากเป็นตะคริว หรือเคล็ดขัดยอกตามข้อต่อต่างๆ ควรหมั่นดื่มน้ำให้เพียงพออยู่เสมอค่ะ
5.ช่วยให้อารมณ์ดี
หลายคนอาจจะแปลกใจว่าการดื่มน้ำช่วยทำให้อารมณ์ได้ด้วยอย่างนั้นหรือ ขอบอกเลยค่ะว่าช่วยได้ เพราะเมื่อเราดื่มน้ำเข้าไปในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย ก็จะช่วยให้ระบบการทำงานต่างๆ ภายในทำงานได้เป็นปกติ ลืมไปได้เลยกับอาการผิดปกติต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจ
6. ช่วยลดการเกิดกลิ่นปาก และลดอาการเครียด
ช่วยเพิ่มความผ่อนคลาย สบายใจ สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยทำงานจึงเป็นสิ่งจำเป็น อย่าเครียดจนลืมดื่มน้ำ
7. ดีต่อสุขภาพหัวใจ
ช่วยให้หัวใจทำงานได้อย่างเป็นปกติและมีประสิทธิภาพ มีการศึกษาหนึ่งพบว่าปริมาณน้ำที่ดื่มนั้นมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดโดยการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าหากเราดื่มน้ำเพียงแค่ 5 แก้วใน 1 วัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการหัวใจวายได้ถึง 41% การดื่มน้ำมากขึ้นทำให้ความเสี่ยงโรคหัวใจลดลง แต่การดื่มเครื่องดื่มที่มีพลังงานสูง อย่างเช่น โซดาหรือน้ำผลไม้ จะทำให้ความเสี่ยงในการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจสูงขึ้นอีกด้วยค่ะ
8. ช่วยต่อสู้กับอาการป่วย
น้ำสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับผิวหนังของคุณได้ แถมยังป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกายได้อีกด้วย การดื่มน้ำสามารถช่วยลดอาการคัดจมูกและภาวะขาดน้ำในระหว่างที่ป่วยเป็นไข้หวัดได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีการศึกษาใดยืนยันอย่างชัดเจนว่าการดื่มน้ำสามารถรักษาไข้หวัดได้ แต่เราก็ควรที่จะดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมค่ะ
9. สร้างเสริมสมองให้ทำงานดีและไวขึ้น
สมองของเราประกอบไปด้วยน้ำ ประมาณ 75-85% หากเราดื่มน้ำมากๆ ก็จะช่วยให้สมองเราทำงานได้ดีขึ้น แถมยังมีสมาธิมากขึ้นอีกด้วยการศึกษาในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ พบว่านักศึกษาที่นำน้ำเข้าไปดื่มด้วยในห้องสอบ จะทำข้อสอบได้คะแนนดีกว่า นั่นก็เป็นเพราะว่า น้ำจะช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง ส่งผลต่อการทำงานต่างๆ ไม่ว่าจะในเรื่องของความจำ หรือการคิดประมวลผลต่างๆ ช่วยทำให้เกิดสมาธิมากขึ้น ผู้ที่อยู่ในวัยเรียนควรให้ความสำคัญของการดื่มน้ำให้มากๆ
10. ช่วยปรับสมดุลในด้านต่างๆ ของร่างกาย
ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ช่วยในการย่อยอาหาร โดยน้ำจะไปช่วยระบบย่อยอาหารให้ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงยังช่วยป้องกันโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย ช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายของเราได้ ช่วยควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ ในขณะที่เราออกกำลังกายทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น และการดื่มน้ำในขณะที่ออกกำลังกายจะช่วยให้อุณหภูมิในร่างกายลดลงได้ และช่วยทดแทนของเหลวในร่างกายที่เสียไปจากการขับเหงื่อ แต่ก็ควรจะดื่มน้ำอย่างเหมาะสม โดยค่อยๆ จิบน้ำหลังจากออกกำลังกาย ไม่ควรดื่มรวดเดียวเพราะอาจจะทำให้เกิดอาการจุกและเป็นอันตรายได้
เห็นความมหัศจรรย์ของการดื่มน้ำเปล่าแบบนี้แล้ว คงต้องลองหันมาดื่มน้ำบ่อยๆ เสียแล้วล่ะ หากอยากมีสุขภาพที่ดี ก็สามารถเริ่มต้นง่ายๆ ได้ที่ตัวเรานะคะ
11. ลดอาการแฮงค์
การดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และทำให้เกิดอาการแฮงค์ การดื่มน้ำหนึ่งแก้วหลังจากที่คุณจิบแอลกอฮอล์ จะช่วยลดภาวะขาดน้ำได้อีกทางหนึ่ง แถมยังช่วยให้อาการแฮงค์หลังจากดื่มแอลกอฮอล์ลดลงอีกด้วย
เห็นความมหัศจรรย์ของการดื่มน้ำเปล่าแบบนี้แล้ว คงต้องลองหันมาดื่มน้ำบ่อยๆ เสียแล้วล่ะ หากอยากมีสุขภาพที่ดี ก็สามารถเริ่มต้นง่ายๆ ได้ที่ตัวเรานะคะ
ข้อมูลจาก
https://medthai.com
health.kapook.com
health.mthai.com
Cooking, TIPS & TRICK
อาหารที่ต้องห้ามในช่วงกินเจ
อาหารที่ต้องห้ามในช่วงกินเจ
เทศกาลกินเจแอดมินเห็นหลายคนใช้โอกาสนี้ในการปฏิบัติธรรมถือศีลกินเจลดละการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตโดยงด การกินเนื้อสัตว์ทุกชนิด
วันนี้ ELVIRA จะมาแบ่งปันอาหารที่ห้ามกินในช่วงเทศกาลกินเจสำหรับคนที่กินเจซึ่งคนกินเจควรต้องใสใ่จ กับอาหารเจที่จะทานด้วยนะคะเพราะบางครั้งด้วยความเคยชินเราอาจเผลอกินอาหารที่มีวัตถุดิบต้องห้ามเหล่านี้ผสมอยู่ คือ
1.เนื้อสัตว์ ทุกชนิด ถือว่าเป็นอาหารจานแรกๆ ที่การกินเจต้องรู้อยู่แล้วว่าต้องห้าม ไม่ควรกินช่วงเทศกาลกินเจ เพราะเป็นเทศกาลแห่งการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
2.ผลิตผลที่ได้จากสัตว์ทุกชนิดเช่น น้ำผึ้ง ไข่ นมวัว บางคนอาจสงสัยว่า 2 อย่างหลังนี้ไม่ได้ทำร้ายสัตว์ทำไมถึงห้ามกิน เราอย่าลืมว่าไข่ก็มาจากเลือดเนื้อของไก่ และนมก็ได้มาจากการรีดนมวัวซึ่งกลั่นมาจากเลือดของแม่วัวเช่นเดียวกันกับผู้หญิงให้นมบุตร จึงถือว่านมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสัตว์ที่ห้ามรับประทานเช่นกัน
3.ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากสัตว์ทุกประเภท หรืออยู่ในรูปแบบของเครื่องปรุงรส เช่น ซอยหอยนางรม เช่น เนย น้ำปลา ปูอัด (ทำมาจากปลา) โยเกิร์ต (ทำมาจากนม) ช็อกโกแลต (มีส่วนผสมของนม) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (ที่ไม่มีสัญลักษณ์เจ) เพราะมีส่วนผสมของเนื้อสัตว์และผักกลิ่นฉุน
4.ห้ามรับประทานผักที่มีกลิ่นฉุน ได้แก่ กระเทียม หอมหัวใหญ่ หลักเกลียว(กระเทียมโทนจีน) กุยช่าย ผักชี และใบยาสูบ โดยจะเห็นได้ว่าผักต่างๆ ที่กล่าวมานี้จะมีกลิ่นฉุนและถูกนำไปประกอบอาหารแทบทุกมื้อในทุกครัวเรือน ดังนั้นในช่วงเทศกาลกินเจถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ได้ฝึกความอดทนจากการงดเว้นการรับประทานอาหารที่เราคุ้นเคยในทุกๆ วันอีกด้วย สาเหตุที่ห้ามกินผักฉุนนั้นเป็นเพราะผักฉุนดังกล่าวเป็นผักที่รสหนัก มีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง ดังนั้นอาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของผู้กินเจได้ นอกจากนี้ ชาวจีนยังเชื่อกันว่า ผักฉุนดังกล่าวมีพิษทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ในร่างกาย ส่งผลให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 (ได้แก่ กระเพาะอาหาร ไต ม้าม ตับ ปอด และหัวใจ) ทำงานไม่ปกติ
5.ห้ามดื่มสุรา หลายคนอาจมีคำถามว่าสุราทำมาจากพืชผสมกับแอลกอฮอล์ ซึ่งไม่ได้มีส่วนผสมใดที่เป็นสัตว์หรือทำมาจากสัตว์ ทำไมจึงห้ามดื่ม คำตอบคือ…นอกจากช่วงเทศกาลกินเจจะงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแล้ว ยังจำเป็นต้องรักษาศีลอีกด้วย ซึ่งการดื่มของมึนเมาถือเป็นการผิดศีลข้อ5 นอกจากจะทำให้ผู้ดื่มขาดสติแล้ว ยังทำร้ายสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาวอีกด้วย
6.งดอาหารรสจัด ทั้งอาหารเผ็ด หวานจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด เนื่องมาจากปกติคนจีนจะไม่กินอาหารรสจัดอยู่แล้ว เพราะเชื่อว่าอาหารรสจัดจะเข้าไปทำลายสุขภาพในร่างกาย เช่น หากกินเผ็ดจัดก็จะไปทำลายกระเพาะอาหาร กินเค็มจัดจะไปทำลายไต ซึ่งข้อห้ามเหล่านี้ถือว่าถูกหลักของการแพทย์
7.กาแฟ ทั้งนี้สำหรับคอกาแฟทั้งหลายที่กำลังสงสัยว่า ในช่วงกินเจสามารถดื่มกาแฟได้หรือไม่นั้น ในเบื้องต้นมีข้อมูลว่า ในกาแฟสำเร็จรูป ทั้งประเภทซอง หรือประเภทกระป๋อง รวมทั้งครีมเทียม มักมีส่วนผสมของนมผงอยู่ด้วย นอกจากนี้ บางร้าน บางยี่ห้อ อาจมีการนำเมล็ดกาแฟไปคั่วกับเนย เพื่อเพิ่มความหอมมัน ดังนั้น ผู้ที่ไม่เคร่งมาก อาจเลือกดื่มกาแฟที่ชงเอง เช่น กาแฟดำ หรือ โอเลี้ยง หรืออาจใช้กาแฟประเภทซองที่เขียนว่า เจ หรือการใช้ครีมเทียมที่ทำจากถั่วเหลือง แต่สำหรับผู้ที่เคร่งมาก ๆ อาจต้องงดเว้นกาแฟในช่วงนี้เพื่อความสบายใจ
อย่างไรก็ตาม ข้อห้ามในการรับประทานอาหารและการปฏิบัติตัวในช่วงกินเจยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันพอสมควร ทว่าเพื่อความสบายใจและสุขใจในการกินเจอย่างแท้จริง อะไรเลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปน่าจะดีนะคะ
ข้อมูลจาก : health.kapook.com/view49094.html, hilight.kapook.com/view/29017, www.thairath.co.th/content/373693, https://sukkaphap-d.com
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai