Cooking, TIPS & TRICK
น้ำพริก! ทานแล้วดีต่อสุขภาพ
ใครชอบทานน้ำพริกบ้าง ยกมือขึ้น !!! เชื่อว่ามีคนยกมือกันพรึ่บพรับแน่นอน ประเทศไทยเราสมัยก่อนเคยมีน้ำพริกมากกว่า 500 ประเภท ปัจจุบันเหลืออยู่ 200 ประเภทเท่านั้น ในแต่ละท้องถิ่นจะมีส่วนประกอบของน้ำพริก วิธีการทำ และวิธีการกิน แตกต่างกันไป เช่นน้ำพริกเห็ด น้ำพริกกะปิ น้ำพริกปลาทู น้ำพริกปลาร้า น้ำพริกหนุ่ม และน้ำพริกไข่เค็ม วันนี้ ELVIRA ได้รวบรวมประโยชน์คุณค่าสารอาหาร ของน้ำพริกมาแบ่งปันกัน ว่าอาหารรสชาติเผ็ดร้อนจานนี้ มีคุณค่าทางสารอาหารที่เราคาดไม่ถึงอีกมากมาย เพราะในน้ำพริกมีส่วนผสมของสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพซึ่งมีส่วนประกอบทั่วไปคือ พริก กระเทียม หอมแดง กุ้ง น้ำปลา และปลาร้า ฯลฯ แต่ละส่วนประกอบเหล่านี้ก็มีคุณค่าทางสารอาหารแต่ละอย่างแตกต่างกันไป
โดยรวมน้ำพริก สามารถเพิ่มการสร้างเซลล์กำจัดเชื้อโรคได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่งเสริมระบบการไหลเวียนโลหิต และระบบการหายใจให้ดีขึ้น ซึ่งช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน น้ำพริกมีส่วนประกอบของ antioxidants และ anti-ageing ซึ่งสามารถลดการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ได้ร้อยละ 20 และ โรคทางสมอง ได้ถึงร้อยละ 26 ถึง 42 เลยทีเดียว
นอกจากนี้ น้ำพริกยังเป็นตัวกระตุ้นให้คนทั่วไปนิยมทานผักมากขึ้นด้วย เพราะรสชาติที่เผ็ดร้อนทำให้ต้องมีผักกินเป็นเครื่องเคียงเพื่อลดความจัดจ้าน ซึ่งผักที่เอามากินคู่กับน้ำพริกแต่ละอย่าง และแต่ละฤดูกาล แม้กระทั่งแต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกันออกไป เหตุนี้เองที่ทำให้การกินน้ำพริกได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากโข ทางการแพทย์ยืนยันแล้วว่าเส้นใยของผักช่วยในระบบการย่อยอาหาร มาดูประโยชน์จากส่วนผสมอื่นๆกันบ้าง
พริก คือ ส่วนประกอบที่สำคัญในการทำน้ำพริก พริกทุกชนิดมีสารแคปไซซิน ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติในการป้องกันความชรา มีสารแคโรทีนอยด์ ซึ่งล้วนมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้สดชื่น ตื่นตัว ขับลมในลำไส้ กระตุ้นการเจริญอาหาร และยังมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด เสริมการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกาย เหมาะกับใครที่แพ้อากาศหรือเป็นหวัดบ่อย
หอมแดง กระเทียม จะมีเซเลเนียม ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีโปรเตสเซียมเยอะ ทางการแพทย์ระบุว่ามีคุณสมบัติช่วยให้เซลล์แข็งแรง และยังจะได้น้ำมันจากกระเทียมซึ่งเป็นสารแอนตี้เซปติก ช่วยป้องกันการติดเชื้อ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ และลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยให้การไหลวียนของเลือดดีขึ้น โดยเฉพาะกระเทียม มี อัลซิลิน (allicin) และซัลเฟอร์ (sulfur) สูง ช่วยลดอาการขาดหลุดร่วงของเส้นผม ลดความดันโลหิต ช่วยไม่ให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มหรืออุดตันตามผนังหลอดเลือด จึงช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิตและเสริมภูมิต้านทานร่างกาย ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ ขับลมในกระเพาะอาหารได้ และในหอมแดงยังมีฟอสฟอรัสปริมาณสูง ช่วยบำรุงประสาทและความจำ ทำให้สมองแจ่มใส ช่วยเจริญอาหาร ช่วยลดความร้อนในร่างกาย แก้หวัดคัดจมูก ขับลมในลำไส้ได้อีกด้วย
กุ้งแห้ง มีแคลเซียมสูง ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง
กะปิ มีวิตามินบี 12 ช่วยบำรุงระบบประสาท เสริมการสร้างเม็ดเลือด ช่วยป้องกันอาการโลหิตจางได้เป็นอย่างดี และมีแคลเซียมสูงกว่านมวัว 15 เท่า (น้ำพริก 1 ถ้วย ใช้กะปิ 20-30 กรัม ให้แคลเซียม 500 ม.ก.) ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง นอกจากนี้ กะปิยังให้โซเดียมโปรแตสเซียมและไอโอดีนอีกด้วย ประโยชน์ที่โดดเด่นสุดๆ ก็คือสารแอสตาแซนทิน (Astaxanthin) ที่พบในสัตว์ทะเลอย่างกุ้ง หรือเคย ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีมากต่อร่างกายและผิวพรรณค่ะ
ข่า ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับลมแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเดิน แก้บิด แก้แน่นหน้าอก และบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน
ตะไคร้ ช่วย ลดความดันโลหิตสูง ขับเหงื่อ แก้หวัด แก้ปวดศีรษะ แก้อาการขัดเบา ช่วยขับปัสสาวะ แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด ช่วยขับลมในลำไส้ บรรเทาอาการไอ แก้เบื่ออาหาร เป็นยาบำรุงธาตุไฟ
มะกรูด น้ำมะกรูดช่วยให้เจริญอาหาร แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม ช่วยขับและละลายเสมหะ บรรเทาอาการไอ ใบมะกรูดช่วยรักษาอาการจุกเสียดและขับลมในลำไส้
มะขามเปียก มีวิตามินซี และวิตามินเอ มีแคลเซียม เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก ช่วยขับเสมหะช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยเจริญอาหาร บำรุงธาตุ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ แก้อาเจียน ลดความดันโลหิต ช่วยให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดี ลดอาการบวม แก้ไขข้ออักเสบ
มะเขือพวง มีเส้นใยสูง ป้องกันท้องผูก และยังมี ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ส่วนประกอบของพริกแกงมีสารต้านมะเร็ง ส่วนขมิ้นมีสารเคอมิวมิน กรดเฟอลิกฟลาโรวอยด์ เป็นสารต้านมะเร็ง
เห็นไหมคะว่าประโยชน์จากน้ำพริกนั้นอัดแน่นจริงๆ จากส่วนประกอบของน้ำพริกแล้ว ยังจะได้วิตามินและเกลือแร่จากผักต่างๆที่นำมาต้มทานแกล้มน้ำพริกอีกด้วย มื้ออาหารมื้อต่อไปอย่าลืมเพิ่มเมนูน้ำพริกลงไปในมื้ออาหารกันนะคะ
ที่มา : http://bit.ly/2yhQO2p
http://bit.ly/2kFVOcp
http://women.trueid.net/detail/27865
http://naturespice.co.th
Comments are closed