Cooking, TIPS & TRICK
น้ำข้าวโพด
ข้าวโพดช่วยสร้างเซลล์ประสาทที่จอตา เหมาะกับผู้ใช้สายตามาก อ่านหนังสือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือตาโดนแดด ควัน ฝุ่น อันเป็นสาเหตุให้จอประสาทตาเสื่อมง่าย ข้าวโพดมีสารกลุ่ม ลูทิน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ช่วยชะลอปัญหาจอประสาทตาเสื่อมค่ะ เป็นอาหารที่มีประโยชน์มากมาย วันนี้แนะนำวิธีการทำน้ำนมข้าวโพดมาฝากนะคะ
วิธีทำการทำน้ำข้าวโพดค่ะข้าวโพดหวาน
น้ำข้าวโพด
- ข้าวโพดหวาน 200-250 กรัม
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
- น้ำต้มสุกหรือน้ำร้อน 1 ลิตร
วิธีทำ
- การเลือกข้าวโพดหวานที่มีเปลือกสีเขียวอ่อน ภายในเมล็ดเต่งตึงเรียงเต็มแถว ไม่มีช่องโหว่ และกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เมื่อใช้เล็บจิกเมล็ดบริเวณปลายฝัก จะมีน้ำแป้งไหลออกมา
- ล้างข้าวโพดหวานที่เลือกมาให้สะอาด แกะเมล็ดข้าวโพดให้ได้ปริมาณที่ต้องการ 200 – 250 กรัม
- นำมาใส่ภาชนะ นึ่งในเครื่อง ELVIRA JET STEAMER ตั้งเวลา 10-15 นาที เพื่อให้เมล็ดข้าวโพดนิ่ม และสุกพอที่จะนำไปปั่นเป็นน้ำนมข้าวโพดได้ (ถ้าใช้เครื่องนึ่งทั่วไปจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ค่ะ)
- นำข้าวโพดที่สุกแล้ว ใส่ลงในโถปั่น Power Blender เทน้ำต้มสุกหรือน้ำร้อน 1 ลิตร (1,000 มิลลิลิตร) น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย ลงในโถปั่นพร้อมกัน คุณสมบัติพิเศษ ของเครื่องปั่น ELVIRA Power Blender ใช้วัสดุทนความร้อน TritanTM สามารถเทน้ำร้อนใส่เข้าไปในโถปั่นได้ หรือถ้าใช้น้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว น้ำนมข้าวโพดที่ปั่นจะได้อุณหภูมิความร้อนถึง 80 ºc – 86 ºc พร้อมดื่มได้ทันที
- เลือกโปรแกรม Soy Milk ใช้เวลาการปั่น 6 นาที (เป็นโปรแกรมเดียวกับเมนูน้ำเต้าหู้สด) โปรแกรมจะปั่นให้อัตโนมัติ โดยเริ่มจากรอบปั่นช้าเพื่อบดเมล็ดข้าวโพด จนปั่นให้เป็นน้ำนมข้าวโพดร้อน พร้อมดื่ม
- เมนูนี้นำไปแช่ตู้เย็น ดื่มเป็นน้ำนมข้าวโพดเย็นก็จะหอมหวานน่าดื่ม ดื่มได้ทุกคนในครอบครัว เพราะข้าวโพดมีสารเบต้าแคโรทีน วิตามินซี ช่วยบำรุงสายตา ลดการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด
คุณค่าทางโภชนาการ
ข้าวโพดมีสารเบต้าแคโรทีน วิตามินซี ช่วยบำรุงสายตาลดการเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด
ประโยชน์ข้าวโพดหวาน (SWEET CORN)
- ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง โรคหัวใจ ไข้หวัด รักษาสุขภาพของกล้ามเนื้อ
- มีสารกลุ่มลูทิน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ช่วยชะลอปัญหาจอประสาทตาเสื่อมหรือตาบอดจากจอตาเสื่อม
- มีกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันอิ่มตัวในปริมาณร้อยละ 40 กรดไลโนเลอิกมีฤทธิ์ควบคุมคอเลสเตอรอลให้อยู่ในระดับปกติ
- การวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์แนล สหรัฐอเมริกา พบว่าข้าวโพดมีกรดเฟอรูลิก (Ferulic) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการแก่ โรคหัวใจ ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง ต่อต้านผลกระทบจากรังสีอัลตราไวโลเลต จึงป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ แม้เมื่อนำข้าวโพดไปต้มสุกที่อุณหภูมิสูง 115 องศาเซลเซียส ความร้อนก็ไม่ได้ทำลายสารนี้ แต่กลับเป็นการเพิ่มปริมาณสารให้สูงขึ้น
- วัยที่ต้องกินข้าวโพดคือ วัยเด็ก และเหมาะกับคนที่ต้องใช้สายตามาก อ่านหนังสือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือตาโดนแดด ควัน ฝุ่นเยอะ อันเป็นสาเหตุให้จอประสาทตาเสื่อมง่าย เนื่องจากข้าวโพดจะช่วยสร้างเซลล์ประสาทที่จอตา
เรียบเรียงข้อมูลจาก ประโยชน์ดอทคอม https://goo.gl/ZvTKCP
Comments are closed