Cooking, TIPS & TRICK
12 อาหารที่ควรทานในหน้าฝน
12 อาหารที่ควรทานในหน้าฝน
ฤดูฝนทีไร สิ่งที่มาพร้อมกับฝนก็คือ ไวรัสหวัดที่ทำให้คนเราไม่สบายและเป็นหวัดกันอยู่บ่อยๆ ใช่ไหมคะ การป้องกันนอกจากจะทำร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนเพียงพอ ไม่โดนฝนแล้วนั้น การเลือกทานอาหารก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน วันนี้ ELVIRA จึงนำเสนอเมนูอาหารที่เราควรทานในช่วงหน้าฝน มาฝากกันค่ะ
- ซุปไก่ น้ำต้มไก่ แกงข่าไก่
เมนูซุปไก่ร้อนๆ รวมทั้งน้ำต้มไก่ แกงข่าไก่ นอกจากจะทำง่ายกินง่ายแล้วยังเป็นเมนูคู่ใจที่ช่วยป้องกันหวัดได้ดีเลยทีเดียวเพราะน้ำที่ต้มไก่มีสรรพคุณในการต้านหวัดที่ทั่วโลกรู้กัน โดยมีรายงานวิจัยพบว่าซุปไก่มีฤทธิ์ยับยั้งการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวชนิดที่เรียกว่า นิวโทรฟิลด์ ไปยังเนื้อเยื่อปอด ทำให้ลดกระบวนการอักเสบในปอดและลดอาการไอ อีกทั้งยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วย เคล็ดลับง่ายๆ สำหรับเมนูนี้ก็คือ เมื่อเราตุ๋นซุปไก่เป็นเวลานานจะทำให้โปรตีนย่อยสลายกลายเป็นไดเปปไทด์ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายสดชื่น และยังให้โปรตีนที่ดีต่อร่างกายด้วย - แกงเลียง
สำหรับใครที่เป็นหวัดบ่อย ๆ บอกเลยว่าเมนูแกงเลียงเหมาะสำหรับเอาไว้ซดร้อนๆ เพื่อบรรเทาอาการหวัดให้หายเร็วขึ้น เพราะแกงเลียงเป็นอาหารที่มีรสชาติอร่อยเผ็ดร้อนมีเครื่องปรุงเป็นสมุนไพรหลากชนิด ทั้งพริกไทย หอมแดง บวบ น้ำเต้า ใบแมงลัก ตำลึง ข้าวโพด ซึ่งมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการต่างๆ เวลาที่เป็นไข้หวัดค่ะ - แกงส้มมะละกอ
นอกจากจะเป็นเมนูที่ให้พลังงานและไขมันต่ำแล้วยังอุดมไปด้วยใยอาหารอีกด้วย เนื่องจากเป็นเมนูที่ใส่ผักต่างๆ หลายชนิดจึงทำให้มีประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายอย่างมากและเครื่องแกงของแกงส้มที่รสชาติเผ็ดร้อน ยังมีสรรพคุณในการต้านไวรัสด้วย
- แกงเผ็ด และ อาหารรสเผ็ดทุกชนิด
แกงที่มีพริกประเภทต่างๆ รวมถึงพริกไทยเป็นส่วนประกอบ จะช่วยทำให้หายใจโล่ง หายคัดจมูก นอกจากนั้นอาหารประเภทแกงเผ็ดยังประกอบไปด้วนสมุนไพรไทยมากมายที่ช่วยเสริมภูมิต้านทาน เช่น ใบมะกรูด ใบกระเพรา ใบโหระพา หอม เป็นต้น
- ผัดผักบุ้ง
ผักบุ้งเป็นผักที่หาทานง่ายในทุกฤดูกาลหลายคนมักจะเข้าใจเพียงแค่ว่าทานผักบุ้งเยอะๆ จะช่วยบำรุงสายตา แต่จริงๆแล้วประโยชน์ของผักบุ้งไม่ได้มีแค่นั้นนะคะเพราะการรับประทานผักบุ้งยังช่วยแก้ไอ ปวดศรีษะ และอาการร้อนในได้อีกด้วย
- แครอท
เป็นอาหารสุขภาพอีกชนิดที่ไม่ควรพลาด เพราะแครอทอุดมไปด้วยวิตามินเอที่ช่วยรักษาระบบคุ้มกันของร่างกายยิ่งฝนตกบ่อยแบบนี้หลายคนที่เป็นหวัดง่ายอย่าลืมทานแครอทกันนะคะ เพราะเจ้านี่แหละที่ช่วยต่อสู้กับเชื้อหวัดทำให้เราหายป่วยเร็วขึ้นอีกด้วย
- น้ำขิง
ขิงนอกจากจะช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และช่วยย่อยอาหารแล้วน้ำขิงยังแก้อาการคลื่นเหียน เจ็บคอ และเสมหะ เป็นหวัดบรรเทาน้ำมูกไหลได้อีกด้วย นอกจากนี้น้ำขิงร้อนๆ ยังมีฤทธิ์ช่วยขับเหงื่อ แก้หวัดเย็น หรืออาการรู้สึกหนาวไข้ต่ำๆ เมื่อเริ่มมีฝนตกอากาศชื้นและเกิดอาการเซื่องซึม เฉื่อยชา เริ่มเป็นหวัดรีบดื่มน้ำขิงก็จะช่วยลดอาการได้อย่างดีขิงมีสารพวกแอนตี้ฮีสตามีนที่ช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ - หากใครที่เริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบายลองชงน้ำขิงดื่มสักถ้วยรับรองว่าจะรู้สึกดีขึ้นจริงๆ ถือว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพตัวจริงสำหรับหน้าฝนเลยทีเดียว ค่ะ
- น้ำหมักผลไม้
เครื่องดื่มอย่างน้ำหมักผลไม้ คุณแม่บ้านก็สามารถทำเก็บแช่ไว้ได้เองค่ะหากต้องการทำน้ำหมักผลไม้เราควรใช้ผลไม้รสเปรี้ยวอย่าง ส้ม มะนาว เกรปฟรุต สตรอว์เบอร์รี่ ฯลฯ เพราะผลไม้เหล่านี้มีวิตามินซีสูงจึงช่วยรักษาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานอย่างปกติ
- ชาร้อน
ชาร้อนทุกชนิดมีสารโพลิฟีนนอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดอาการติดเชื้อ ทำให้เยื่อบุโพรงจมูกชุ่มชื้นหายใจสะดวกการดึงคุณสมบัติแก้หวัดจากชาร้อนได้ดีที่สุดควรชงชาในน้ำร้อนตั้งทิ้งไว้ราว 1 นาที แล้วค่อยดื่มจึงจะได้ผลดีที่สุดค่ะ
- น้ำผักผลไม้
ผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น แครอท ผักใบเขียวจัด ส้ม ฝรั่ง องุ่น แคนตาลูป มะละกอสุก มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเช่น เบตาแคโรทีน (วิตามินเอ) วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งช่วยกำจัดเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย ป้องกันการติดเชื้อ และทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น
- กระเทียม
กระเทียมจะช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัดได้อย่างดี นักวิจัยชาวจีน ดร.เบนจามิน เลา แห่งมหาวิทยาลัยโลมาลินดาในแคลิฟอร์เนีย ได้ศึกษายารักษาโรคตามแบบแพทย์ตะวันออกมานาน ได้ทำการศึกษาแล้วพบว่า กระเทียมมีกำมะถันเป็นองค์ประกอบซึ่งออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสหวัดได้โดยตรงและยังช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวได้ใครที่ไม่ชอบทานกระเทียมเพราะกลิ่นของมันต้องหันมาให้ความสำคัญกับกระเทียมเพราะคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมแล้วละค่ะ
- โยเกิร์ต
โยเกิร์ตช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยเพิ่มการสร้างสารแอนติบอดี้บางชนิดได้ การศึกษากับอาสาสมัครทั้งคนหนุ่มและคนสูงอายุ พบว่าการรับประทานโยเกิร์ตทุกวันเป็นเวลา 1 ปี ช่วยลดอาการจากหวัดและภูมิแพ้ ผู้ป่วยหายเร็วขึ้น และร้อยละ 25 เป็นหวัดน้อยลง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน นอกจากนี้ โยเกิร์ตยังช่วยในเรื่องการขับถ่ายได้อีกด้วย
นอกจากการออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่ดีก็เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันโรคในเราได้อีกทางหนึ่งนะค่ะ หน้าฝนแบบนี้อย่าลืมพกร่มติดตัวจะได้ไม่ต้องตากฝนจนเป็นหวัดนะคะ ด้วยความรักและห่วงใยจาก ELVIRA ค่ะ
ข้อมูลจาก : www.tescolotus.com, www.oknation.nationtv.tv
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cleaning, TIPS & TRICK
รู้จัก 6 โรคร้ายในหน้าฝน
รู้จัก 6 โรคร้ายในหน้าฝน
เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เชื้อโรคหลายชนิดสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว นำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ตามมามากมาย เพราะฉะนั้น ถ้าใครไม่อยากให้ตัวเองต้องป่วยเป็นโรคที่ระบาดกันอยู่นี้ก็ควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ELVIRA จึงรวบรวมโรคที่มักระบาดในหน้าฝน มาเพื่อให้แฟนๆ ได้รู้เท่าทัน และจะได้ปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง เมื่อเป็นโรคเหล่านี้กันค่ะ
- โรคไข้เลือดออก
พาหะนำโรคไข้เลือดออกก็คือ “ยุงลาย” ร้อยละ 80 เป็นยุงลายที่อยู่ในบ้านซึ่งจะวางไข่ในน้ำที่ขังอยู่ตามที่ต่าง ๆ ผู้ป่วยระยะแรกจะมีอาการเหมือนการติดเชื้อไวรัสทั่วไป ได้แก่ อาการไข้ หน้าแดง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีอาการปวดกระดูกหากได้รับเชื้อประมาณ 5-8 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง (38.5-41 องศาเซลเซียส) ติดต่อกัน 2-7 วัน บางรายเบื่ออาหาร ปวดท้อง อาเจียน จากนั้นจะมีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามลำตัว หลังจากนั้นไข้จะลง พร้อมกับอาจจะมีอาการเลือดออกผิดปกติ มือเท้าเย็น หรือช็อกได้ ในรายที่มีอาการรุนแรงจะเกิดภาวะช็อกหลังไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ตัวเย็น ปากเขียว บางรายมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ถ่ายเป็นเลือด หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้ภายใน 12-24 ชั่วโมงข้อควรระวังคือ ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ห้ามทานยาแอสไพรินเด็ดขาด เพราะจะทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้นหากใครที่มีไข้สูงมาก ไข้ไม่ยอมลง เบื่ออาหารรู้สึกอ่อนเพลีย เซื่องซึมให้รีบไปพบแพทย์ - โรคไข้มาลาเรีย
เกิดจากเชื้อโปรโตซัวที่มากับ “ยุงก้นปล่อง” ซึ่งมักอาศัยอยู่ในป่าตามแนวชายแดน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หนาวสั่นเป็นพักๆ ในเวลาเดิมๆ แต่หากไปพบแพทย์ทันก็สามารถรักษาหายได้ด้วยการทานยาไม่กี่วัน แต่หากไปพบแพทย์ช้า ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะมาลาเรียขึ้นสมอง ภาวะปอดบวมน้ำ ภาวะไตวาย ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้อย่างไรก็ตามโรคมาลาเรียยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ฉะนั้น วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ อย่าให้ตัวเองถูกยุงกัด เช่น อาจทายากันยุง หรือนอนในมุ้งชุบสารเคมีคำแนะนำสำหรับโรคที่มียุงเป็นพาหะ· พยายามอย่าให้ถูกยุงกัด โดยการทายากันยุง และควรกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงเป็นประจำ ทั้งในแจกันดอกไม้ พลูด่าง หรือตู้รองกับข้าว จานรองกระถางต้นไม้- หากมีอาการไข้ และเพิ่งกลับจากการพักค้างแรมในป่ามา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อรับการตรวจเลือดหาเชื้อมาลาเรีย
- โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ,โรคหวัด
เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทั้งร้อนจัด ฝนตก ก็ทำให้คนป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจได้ง่าย โดยเฉพาะโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศ โรคจากไวรัส ทำให้เป็นหวัดคัดจมูก คอติดเชื้อ เจ็บคอเป็นหลัก จากนั้นจะมีไข้เจ็บตามตัว อาจมีน้ำมูกร่วม แถมยังติดต่อกันได้ง่ายเพียงแค่การไอ จาม หรือมือที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ฉะนั้นแล้ว เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายสู่ผู้อื่น ควรใช้ผ้าปิดปากและจมูกเมื่อเวลาไอ จาม หรือจะสวมหน้ากากอนามัยก็เป็นวิธีป้องกันที่ดี ที่สำคัญ อย่าลืมหมั่นล้างมือบ่อยๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่เราอาจจะไปสัมผัสมา หรือป้องกันไม่ให้เราแพร่เชื้อโรคไปสู่คนอื่น หลีกเลี่ยงการคลุกคลี หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ เพื่อป้องกันการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
และนอกจากโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่แล้ว ยังมีโรคคออักเสบ หลอดลมอักเสบ และโรคปอดบวมที่พบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน ซึ่งโรคปอดบวมนี้ถือเป็นโรคอันตรายถึงชีวิตหากเกิดขึ้นกับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี หรือผู้สูงอายุ เพราะฉะนั้น หากพ่อแม่สังเกตว่า ลูกหลานมีไข้ ไอ หายใจเร็วหรือหอบเหนื่อย ต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที - โรคเยื่อตาอักเสบ หรือ โรคตาแดง
เป็นอีกหนึ่งโรคที่พบบ่อย ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส และติดต่อกันง่ายเพียงการสัมผัส หรือใช้ของส่วนตัวร่วมกัน รวมทั้งการใช้น้ำที่ไม่สะอาดล้างหน้า อาบน้ำ น้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา ก็ทำให้เยื่อตาอักเสบ และตาแดงได้
คำแนะนำคือ- ระวังอย่าให้น้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา หากมีน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตาแล้ว ให้รีบล้างตาด้วยน้ำสะอาดทุกครั้งทันที
- อย่าใช้มือ แขน หรือผ้าที่สกปรกขยี้ตา หรือเช็ดตา
- อย่าใช้สิ่งของร่วมกับผู้ที่เป็นโรคตาแดง หรือเยื่อตาอักเสบ
- โรคฉี่หนู
เป็นโรคแพร่ระบาดได้ในพื้นที่ที่มีน้ำขัง หลายคนเข้าใจผิดว่า โรคฉี่หนูมีพาหะคือ “หนู” เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว พาหะของโรคฉี่หนู มีได้ทั้งสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข สุกร โค กระบือ รวมทั้งสัตว์ป่า และสัตว์ที่มีฟันแทะทั้งหลาย โดยเชื้อเหล่านี้จะปะปนอยู่ในน้ำและสิ่งแวดล้อมในที่ที่มีน้ำท่วมขัง จะได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายผ่านเข้าไปทางผิวหนังที่เป็นแผล รอยขีดข่วน เยื่อบุจมูก เยื่อบุตา เยื่อบุในช่องปากได้ง่าย ๆ
อาการเด่นๆ ของโรคนี้คือ หลังได้รับเชื้อประมาณ 1-2 อาทิตย์ จะมีไข้สูงเฉียบพลัน ทำให้ปวดตามเนื้อตัว ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อบริเวณน่อง และโคนขาอย่างรุนแรง เบื่ออาหาร และตาแดง คอแข็ง สลับกับไข้ลด หากเป็นมากอาจมีจุดเลือดออกที่เพดานปาก หรือตามผิวหนัง จนกระทั่งตับวาย ไตวายได้เลยทีเดียวคำแนะนำ- สำหรับคนที่มีไข้ แต่ไข้ไม่สูงมาก ควรเช็ดตัวเพื่อลดไข้เป็นระยะ และรับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล แต่ห้ามใช้แอสไพรินเด็ดขาด
- หากต้องเดินย่ำน้ำท่วม หรือน้ำสกปรก ต้องล้างเท้าให้สะอาดทุกครั้งหลังจากย่ำน้ำแล้ว และใช้ผ้าสะอาดเช็ดเท้าให้แห้ง อย่าปล่อยให้เท้าเปียก อับชื้น
- นอกจากนี้ หากจำเป็นต้องอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ต้องสวมใส่รองเท้าบูทให้เรียบร้อย
- โรคติดต่อทางน้ำและอาหาร
ที่พบบ่อยคือ ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ อาหารที่เราทานอาจได้รับเชื้ออีโคไลจากน้ำฝนที่ปนเปื้อน ทำให้ลำไส้อักเสบติดเชื้อ จึงทำให้เกิดความผิดปกติในระบบย่อยอาหารตามมา โรคท้องเดิน โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน บิด ไทฟอยด์ ตับอักเสบ เป็นต้น ซึ่งสาเหตุเกิดจากรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน รวมทั้งการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ หรือใช้น้ำที่ไม่สะอาด เช่น น้ำคลอง มาประกอบอาหาร และยังรวมถึงการรับประทานอาหารที่ปรุงไว้นานข้ามมื้อ หรือเกิน 6 ชั่วโมง เช่น อาหารกล่องที่ทำไว้สำหรับคนจำนวนมาก ที่อาจจะบูดเสียได้ง่ายคำแนะนำ- ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ไม่มีแมลงวันตอม ไม่ควรทานอาหารค้างคืน หรือปรุงเสร็จมานานหลายชั่วโมงแล้ว เพราะอาหารอาจบูดเน่า
- ดื่มน้ำสะอาด เช่น น้ำที่ต้มแล้ว หรือน้ำบรรจุขวดที่มี อย.รับรองคุณภาพ
- ควรเลือกซื้อน้ำแข็งที่ไม่มีตะกอน และไม่ควรรับประทานน้ำแข็งที่ใช้สำหรับแช่อาหารอื่น
- ก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง ควรล้างมือให้สะอาดเป็นนิสัย
การป้องกันโรคในฤดูฝนนั้น นอกจากคำแนะนำข้างต้นแล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ มีภูมิต้านทานเชื้อโรคต่างๆ ที่จะเข้าสู่ร่างกาย และการสวมเสื้อผ้ารักษาร่างกายให้อบอุ่น ก็เป็นเรื่องสำคัญ ควรดื่มน้ำสะอาด เช่น น้ำต้ม รับประทานอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ๆ ไม่มีแมลงวันตอม และล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง นอกจากนี้ ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือตามประกาศของทางราชการด้วย
ข้อมูลจาก : www.sanook.com, health.kapook.com
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cleaning, TIPS & TRICK
ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง ชนิด A (H3N2)
ในช่วงไม่นานมานี้ หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ ชนิด A (H3N2) ที่ระบาดในฮ่องกง ที่กำลังตกเป็นข่าว จนทำให้เกิดการเล่าลือกันไปว่าเจ้าเชื้อโรคสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่อันตราย สร้างความหวาดกลัวกันเป็นวงกว้าง หลายคนก็ยังคงอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วไข้หวัด H3N2 นั้นมีที่มา อาการ การรักษาและการป้องกันอย่างไร แล้วอันตรายอย่างที่อยู่ในกระแสข่าวจริงไหม
วันนี้ ELVIRA จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้กัน เพื่อความเข้าใจและเพื่อการเตรียมพร้อมรับมือกันได้แบบไม่ต้องตื่นตระหนกค่ะ
ลักษณะการแพร่เชื้อ
ไข้หวัดใหญ่ H3N2 สามารถแพร่เชื้อจากหมูสู่คนได้จากการรับประทานเนื้อหมูที่มีเชื้อไวรัสนี้อยู่ หรือจะเป็นการสัมผัสโดยตรงกับสุกรที่ติดเชื้อ นอกจากนี้การแพร่เชื้อจากคนสู่คนยังมีการแพร่กระจายเช่นเดียวกับการแพร่เชื้อของไข้หวัดใหญ่ทั่วไป อาทิเช่นการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ หรือหากผู้ป่วยจามหรือไอใส่ก็ทำให้ติดเชื้อได้เช่นกัน โดยระยะในการฟักตัวของเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่ที่ประมาณ 1-3 วัน
กลุ่มเสี่ยง เนื่องจากเป็นไข้หวัดใหญ่ที่มีการระบาดจากคนสู่คน กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงควรไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่
- หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
- เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
- เด็กที่ได้รับการรักษาด้วยยาแอสไพรินมาเป็นเวลานาน
- ผู้มีโรคเรื้อรัง คือ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน
- บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้มีน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กก.
- ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
- ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย และ
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
ซึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้อาจมีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตได้หากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง กลุ่มเสี่ยงสามารถรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ฟรีที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน หากมีอาการไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และมีไข้สูง ต้องรีบพบแพทย์โดยเร็ว ประชาชนสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
ลักษณะอาการของผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ H3N2
อาการของไข้หวัดใหญ่ H3N2 มักเริ่มด้วยการเป็นไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก ในเด็กอาจพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรง อาการจะทุเลาและหายป่วยภายใน 5 – 7 วัน แต่บางรายที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรง จะมีอาการหายใจเร็ว เหนื่อย หอบ หายใจลำบาก อาจทำให้เสียชีวิตได้
วิธีการรักษา
วิธีการรักษาของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ จะรักษาตามอาการ ถ้ามีไข้ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว หากไข้ไม่ลดให้รับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล นอนหลับพักผ่อน ให้ดื่มน้ำมากๆ และสวมหน้ากากป้องกันโรคเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคไปสู่ผู้อื่นในกรณีที่ต้องไปยังที่สาธารณะ หากอาการไม่ดีขึ้นใน 48 ชั่วโมง หรือมีอาการรุนแรงให้พบแพทย์ทันที โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงก็ควรได้รับยาและการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อน
การรักษาสามารถรักษาเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วไป โดยให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) และซานามิเวียร์ ภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังจากเริ่มมีอาการ และมีอาการรุนแรง หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงโรครุนแรง ทั้งนี้ผู้ป่วยยังต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์
วิธีการป้องกัน
การป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ H3N2 คือการป้องกันตัวและรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอและควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อหรือการสัมผัสกับน้ำลายหรือน้ำมูกของผู้ป่วย และควรจะให้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ H3N2 สวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจายจากการไอหรือจาม รวมทั้งผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ควรไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้อีกด้วยเพื่อเป็นการป้องกันอีกทางหนึ่ง
สำหรับการป้องกัน
ขอแนะนำให้ใช้มาตรการ “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” ได้แก่
- ปิด คือปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม ต้องใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง หากเจ็บป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ ควรใส่หน้ากากอนามัย
- ล้าง คือล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่เมื่อสัมผัสสิ่งของ เช่น กลอนประตู ลูกบิด ราวบันได ราวจับบนรถโดยสาร
- เลี่ยง คือหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย และ
- หยุด คือเมื่อป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน หยุดกิจกรรมในสถานที่แออัด แม้ผู้ป่วยจะมีอาการไม่มากก็ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ H3N2 ในตอนนี้สามารถรักษาจนหายเป็นปกติและกลับบ้านได้แล้วค่ะ แม้ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ที่มีความรุนแรงเทียบเท่ากับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป แต่เราก็ประมาทไม่ได้นะคะ เพราะหากติดเชื้อแล้วก็อาจจะทำให้เราต้องเสียการเสียงาน ต้องหยุดพักรักษาตัวอีกด้วย ดังนั้นทางที่ดีก็ควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงกันดีกว่าเนอะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยใจกับอาการป่วยและค่ารักษาทีหลัง
ข้อมูลจาก : www.kapook.com , www.pptvhd36.com , www.amarinbabyandkids.com , www.thaihealthycare.com
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cleaning, TIPS & TRICK
การทำความสะอาดโซฟาผ้า
การทำความสะอาดโซฟาผ้า
โซฟา เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เกือบจะทุกบ้านและทุกคอนโดมีกันเลยก็ว่าได้ วันนี้ ELVIRA เลือกนำวิธีการทำความสะอาดโซฟาผ้ามาให้แฟนๆ ได้ลองไปใช้ทำความสะอาดดู และคราวถัดไปจะนำเสนอวิธีการทำความสะอาดโซฟาหนังมาแบ่งปันกัน ส่วนใครมีวิธีการทำความสะอาดที่ต่างจากนี้แล้วได้ผลดี ก็แบ่งปันกันได้ที่หน้าเพจของ ELVIRA ได้นะค่ะที่ www.facebook.com/elvirathai/
มาเริ่มกันเลยค่ะ
- โซฟาผ้า ปัจจุบัน โซฟาผ้า มีหลายหลายดีไซน์และคนสมัยนี้ก็นิยมใช้มากขึ้น เนื่องจากมีลวดลายสวยงาม แบบให้เลือกเยอะ แถมราคาก็ไม่แพง แต่ก็มีทั้งแบบถอดซักได้ และถอดซักไม่ได้ ดังนั้นจึงมีวิธีทำความสะอาดที่ต่างๆ กันไปค่ะ ลักษณะทั่วไปของโซฟาผ้าคือ เมื่อเราใช้ไปนานๆ โซฟาก็อาจมีกลิ่นอับ ฝุ่นไร และเชื้อโรคแบคทีเรียต่างๆ มากมาย ยิ่งบ้านไหนมีเด็กตัวเล็กๆ แล้วด้วย ก็คงจะเป็นห่วงกันไม่น้อย เพราะผ้าจะอมฝุ่น ใช้ไปนานๆ จะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค การทำความสะอาดยาก ต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นหรือต้องถอดซัก ยิ่งถ้าโดนของเหลวพวกน้ำหวาน หกใส่นี่เดือดร้อนเลย เพราะเช็ดไม่ได้
- สำหรับโซฟาชนิดผ้าที่ถอดซักทำความสะอาดได้ ให้ถอดปลอกหมอนและปลอกโซฟาไปซักทำความสะอาดก่อน โดยหลีกเลี่ยงการซักด้วยเครื่องเพราะอาจจะทำให้เนื้อผ้าเสียรูปทรงหรือเป็นขุยได้ เพราะฉะนั้นซักด้วยมือจะปลอดภัยที่สุด
- สำหรับโซฟาผ้าที่ถอดผ้าหุ้มไม่ได้ ให้ใช้เครื่องดูดฝุ่น ทำความสะอาดฝุ่นและเศษขนมต่างๆ ที่ตกค้างอยู่บนโซฟา โดยเฉพาะบริเวณที่พักแขนและพนักพิงซึ่งเป็นบริเวณที่มักจะมีฝุ่นเยอะกว่าบริเวณอื่นๆ หลังจากนั้น สามารถทำความสะอาดได้ โดยผสมน้ำเย็นและน้ำอุ่นอย่างละครึ่ง กับน้ำยาทำความสะอาดโซฟาโดยเฉพาะ หรืออาจจะใช้น้ำยาทำความสะอาดเบาะรถยนต์ก็ได้เช่นกัน ปริมาณที่ใช้ก็ตามฉลากที่บอกไว้ ค่อย ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำยาพอหมาด อย่าให้ชุ่มมาก (แนะนำให้ใช้ผ้าสีขาว เพื่อจะเห็นคราบสกปรกได้ชัด) แล้วเช็ดทำความสะอาดโซฟาให้ทั่ว โดยกดเน้นในจุดที่มีคราบสกปรกติดอยู่เป็นพิเศษ เพื่อกำจัดคราบให้จางลง หากผ้าเริ่มดำก็เปลี่ยนผ้าผืนใหม่ทันที คราบสกปรกจากผ้าจะได้ไม่ตกค้างบนโซฟาอีก จากนั้นให้ใช้ผ้าแห้งซับความชื้นในโซฟาอีกครั้ง จนแน่ใจว่าโซฟาเริ่มแห้ง และถ้าเป็นไปได้ก็ควรนำโซฟาไปตากแดดจัด ๆ เพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และฆ่าเชื้อโรคไปด้วยในตัว หรือถ้ารีบจะใช้ไดร์เป่าผมมาเป่าอีกแรงก็ได้จ้า
- การใช้น้ำยาในการทำความสะอาด โดยใช้น้ำยา ทำความสะอาดเบาะรถยนต์ ซึ่งจะมีหลากหลายยี่ห้อ จะมีทั้งแบบโฟมและเป็นน้ำ อาจต้องเลือกดูที่คุณภาพ เพราะจะทำให้โซฟาสีไม่ซีดจาง และทำให้ดูใหม่อยู่เสมอ โดยใช้ผ้าเล็กๆ หลายๆ ผืน (ถ้าเป็นผ้าสีขาวจะดีมาก) จากนั้นฉีดน้ำยาลงบนโซฟาพอประมาณ ทิ้งไว้สักพักแล้วจึงใช้ผ้าเช็ด ออกแรงกดเล็กน้อย แล้วคราบก็จะจางหายไปเองซึ่งน้ำยาพวกนี้จะมีน้ำหอมดับกลิ่นผสมอยู่ ซึ่งจะช่วยดับกลิ่นได้พอสมควร และควรที่จะเอาโซฟาไปผึ่งแดดอ่อน เพื่อฆ่าเชื้อโรคและกลิ่นให้อยู่หมัด
- บริเวณที่ไม่มีผ้าคลุม เช่น บริเวณขาโต๊ะ หรือบริเวณโครงโซฟา ก็ทำความความสะอาดง่ายๆ ด้วยผ้าชุบน้ำ บิดพอหมาด แล้วนำมาเช็ดทำความสะอาดให้ทั่ว หรือจะฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อผสมไปด้วยเพื่อฆ่าเชื้อโรคก็ไม่ว่ากันจ้า
- หากว่าขั้นตอนนี้ที่กล่าวมาข้างต้นดูมีหลายขั้นตอน แฟนๆ ELVIRA ที่มีเครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำ รุ่น C2 อยู่แล้ว ก็สามารถใช้เครื่อง C2 ทำความสะอาดโซฟาได้ โดยใช้ผ้าขนหนูที่แถมไป หุ้มหัวแปรงทำความสะอาดเบาะ แล้วใช้ไอน้ำพ่นทำความสะอาด จนคราบสกปรกนั้นหลุดติดมากับผ้าขนหนู แล้วเช็ดด้วยผ้าแห้ง ที่สะอาด จนไม่มีคราบไอน้ำ แล้วจึงลงแว็กซ์หรือผลิตภัณฑ์บำรุงหนังเคลือบบางๆ ให้ทั่วโซฟา อย่าลืมเปิดหน้าต่างในห้อง เพื่อให้ระบายความชื้นจากไอน้ำด้วยนะคะ เพียง 3 ขั้นตอนเท่านี้ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
- หมอนอิงก็ควรจะทำความสะอาดด้วยเช่นกัน โดยเริ่มจากการถอดปลอกหมอนออกไปซักก่อน เสร็จแล้วให้นำหมอนมาแช่ลงในน้ำอุ่นที่ผสมน้ำยาทำความสะอาดจนหมอนชุ่มน้ำยา ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที จากนั้นเทน้ำยาออก แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด พร้อมๆ กับใช้มือกดหมอนเพื่อบีบน้ำยาออกจากหมอนให้หมด หากน้ำในถังเต็มไปด้วยฟองจากน้ำยา ก็ให้เปลี่ยนน้ำใหม่ ทำซ้ำอย่างนี้จนแน่ใจว่าไม่มีน้ำยาตกค้างในหมอนอีกแล้ว จากนั้นนำไปตากในที่ที่ลมโกรกดี และแสงแดดส่องถึง โดยหลีกเลี่ยงการตากในมุมอับชื้น เพื่อป้องกันเชื้อราไม่ให้มาเจริญเติบโตในหมอนได้ค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นโซฟาแบบไหน ELVIRA ก็จัดหาวิธีการทำความสะอาดมามอบให้แฟนๆ ได้ จากนี้ไปโซฟาตัวโปรด จะกลายเป็นโซฟาตัวใหม่ตลอดไป แม้ว่า จะผ่านไปนานกี่ปีแล้วก็ตาม
ข้อมูลจาก : aseanliving.com, thaihometown.com, kapook.com, th.wikihow.com, excellamattress.com, www.sofabeddecor.com
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cleaning, TIPS & TRICK
การดูแลเท้า ช่วงหน้าฝน
การดูแลเท้า ช่วงหน้าฝน
เข้าสู่หน้าฝนอย่างเต็มฤดูแล้ว ฝนเจ้ากรรมก็รู้เวลาตกเสียด้วยสิ ชอบตกเวลาเลิกงาน เลี่ยงไม่ได้เลย ที่เท้าสวยๆ ของเราต้องเดินลุยน้ำ ที่มีสิ่งปนเปื้อนมากมายตามสภาวะ ที่เต็มไปด้วยมลพิษ ทั้งเชื้อโรคที่ มาพร้อมความชื้นแฉะ ดังนั้น การดูแลเท้าของเราในช่วงนี้ จึงมีความสำคัญมาก เราจึงต้องใส่ใจสุขภาพเท้ามากเป็นพิเศษ
วันนี้ ELVIRA มีวิธีการรับมือกับช่วงหน้าฝน ไม่ให้เท้าของเราต้องเสี่ยงติดเชื้อโรค หรือเป็นแผลอันเกิดจากการเดินลุยน้ำท่วม กันค่ะ
- เริ่มจากควรเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับช่วงหน้าฝน ควรเป็นรองเท้าแบบที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อมน้ำง่าย เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง และกลิ่นเหม็นอับได้
- ถ้าเลี่ยงได้ ไม่ควรเดินลุยน้ำ หากเลี่ยงไม่ได้ ก่อนลุยน้ำควรใช้ขี้ผึ้ง เช่น วาสลีน ทาเคลือบผิว เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสัมผัสกับน้ำได้มาก ถ้าไม่มีน้ำเพียงพอที่จะทำความสะอาด การเช็ดเท้าให้แห้งอยู่เสมออย่างน้อยก็จะลดปัญหาของผิวได้ เพราะถ้าเท้าโดนน้ำอยู่ต่อเนื่องก็จะเกิดเท้าเปื่อย ผิวแตกลอกได้
- ควรระวังไม่เดินย่ำน้ำด้วยเท้าเปล่า เพื่อป้องกันการโดนสิ่งมีคม เช่น เศษแก้ว เศษกระเบื้อง เพราะอาจเกิดการบาดเจ็บ หรือเป็นแผลบริเวณเท้าเนื่องจากถูกแก้วบาด หรือตอไม้ทิ่มตำ เพราะเมื่อมีบาดแผลดังกล่าวแล้วหากยังเดินย่ำน้ำต่อจะเกิดอันตรายจากการติดเชื้อสูงขึ้นไปอีก สิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคก็จะเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการโดนสัตว์มีพิษกัดต่อยได้ เช่น ตะขาบ หรืองู หรือมีโอกาสที่จะมีพยาธิไชผ่านผิวหนังได้ ดังนั้นควรใส่รองเท้าให้เหมาะสมกับหน้าฝน ดีที่สุดสำหรับเท้าเรา
- ขณะเดินอยู่ในน้ำ เราควรยกเท้าเหนือน้ำ เมื่อต้อง การจะก้าวเท้าต่อไป ไม่ควรก้าวเท้าโดยให้เท้าอยู่ใต้น้ำ เพราะการกระทำเช่นนี้จะทำให้เดินช้าลง และใช้เวลาลุยน้ำนานขึ้น โดยได้ระยะทางน้อย
- ควรล้างเท้าให้สะอาดทันทีหลังจากเดินลุยน้ำแล้ว เช็ดเท้าให้แห้งสนิททุกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้าต้องให้แห้งจริงๆ
วิธีการล้างเท้าสามารถทำได้ 2 วิธีคือ
- ล้างเท้าโดยใช้สบู่ถูบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับน้ำ เน้นตรงซอกเท้า ซอกเล็บด้วย บริเวณซอกเล็บควรใช้ แปรงอ่อนๆ จุ่มสบู่เล็กน้อยและถูเบาๆ ทำให้เชื้อโรคหรือไข่พยาธิต่างๆ หลุดออกไปได้หมด หรือจะแช่เท้าในอ่างบรรจุน้ำสะอาดสัก 15-30 นาที แล้วเช็ดเท้าให้แห้งสนิท เพื่อไม่ให้เกิดความชื้น ซึ่งอาจทำให้เกิดเชื้อรา เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งของโรคที่เกิดในช่วงฤดูฝน ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัดชนิดต่าง ๆ โรคฉี่หนู โรคไข้เลือดออก โรคตาแดง แต่โรคที่คนส่วนใหญ่มักเป็นกันบ่อยครั้งและพบมากในช่วงฤดูฝน คือ โรคน้ำกัดเท้า หรือ ฮ่องกงฟุต
- การทำความสะอาดอาจใช้เกล็ดด่างทับทิมผสมน้ำเพื่อฆ่าเชื้อ ผสมให้น้ำเป็นสีชมพูอ่อน แช่เท้าประมาณ 5 นาที
- อาจใช้แป้งฝุ่นโรยสักเล็กน้อยเพื่อเป็นการหล่อลื่นผิวหนัง ถ้าหากเกิดอาการ ผด ผื่น คัน ให้รีบปรึกษาแพทย์
- ควรทาโลชั่น หรือครีมบำรุงสุขภาพเท้าบางๆ เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้นกับผิว ทั้งหลังเท้าและฝ่าเท้า ห้ามทาครีมบริเวณซอกนิ้วเท้า เพราะอาจเกิดการหมักหมมของเชื้อราได้สำหรับคนที่ผิวแห้ง ไม่ควรทาครีมแบบมีน้ำหอม
- กรณีผู้ที่มีแผลที่เท้าควรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำให้ได้มากที่สุด เพราะอาจจะทำให้แผลหายช้า และอาจมีการติดเชื้อโรคต่างๆ ที่ตามมากับหน้าฝน หากเลี่ยงไมได้ ควรรีบทำความสะอาดโดยเร็วที่สุด ใช้ยาฆ่าเชื้อโรค, เบตาดีน หรือน้ำเกลือทำความสะอาดแผล ถ้าบาดแผลขนาดใหญ่ ควรรีบพบแพทย์ และควรฉีดยาหรือ วัคซีนป้องกันบาดทะยัก
- ถ้ามีอาการคันบริเวณผิวหนังซึ่งจุ่มน้ำ แสดงว่าผิวหนังได้รับการระคายเคืองมากจากสิ่งปฏิกูลในน้ำ ควรทายาแก้คัน เช่น คาลาไมน์ หรือครีมแก้คันอื่นๆ เช่น ไทรแอมซิโนโลน
- ถ้าเล็บยาวต้องตัดเล็บเท้าอย่างถูกวิธี โดยตัดตรงตามแนวขอบเล็บเท่านั้น ไม่ตัดเล็บเซาะเข้าไปด้านข้างหรือจมูกเล็บ และไม่ควรตัดเล็บให้สั้นเกินไป
- ควรนำรองเท้าที่เปียกน้ำไปตากแดด เช่น รองเท้าผ้าใบ รองเท้าหนัง ก่อนตาก ควรล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
เพียงแค่นี้ก็จะมีสุขภาพเท้าที่ดีได้ ด้วยตัวเองแล้ว ปัญหาสุขภาพ เท้าในช่วงหน้าฝนที่หลายๆคนเคยเจอก็จะหมดไปแน่นอน!!
ข้อมูลจาก : www.thaihealth.or.th, www.kapook.com, www.rno.moph.go.th
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Laundry, TIPS & TRICK
ซักผ้าอย่างไร ไม่ให้ยืดและหด
ซักผ้าอย่างไร ไม่ให้ยืดและหด
การซักผ้าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับหลาย ๆ คน ยิ่งซักไปซักมาผ้าย้วยอีก เศร้าแพร๊พ!! แต่ไม่ต้องเครียดไป เพราะวันนี้ ELVIRA มีเคล็ดลับดีๆ มาฝาก ค่ะ
เคล็ดลับการซักผ้าไม่ให้หด
อาการหดของผ้าเป็นได้จากหลายสาเหตุขึ้นอยู่กับประเภทของเส้นใย ELVIRA ได้รวบรวมเทคนิคการซักผ้าไม่ให้หดมาให้แฟนๆ ได้อ่านกันโดย
- ให้ตรวจสอบป้ายสัญลักษณ์ การซักผ้าให้ดีว่าผ้าที่เราซื้อมานั้นเป็นเส้นใยประเภทใด และ เหมาะกับการซักด้วยเครื่องซักผ้าหรือซักด้วยมือหรือซักแห้ง เพราะผ้าบางชนิดควรต้องซักด้วยมือหรือซักแห้งเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาผ้าหดหรือสีตก
- ผ้าใยสังเคราะห์ส่วนมากจะหดจากการเจออุณหภูมิสูงจึงไม่ควรซักด้วยน้ำร้อน หากต้องการสลายคราบบนเสื้อผ้า โดยทำการแช่น้ำ ไม่ควรแช่ผ้าในน้ำร้อน ในเวลานานเกินไปและหลีกเลี่ยงการอบผ้าที่ใช้อุณหภูมิสูง เพราะความร้อนสามารถทำให้ผ้าหดตัวได้
- ผ้าใยธรรมชาติส่วนมากจะหดเมื่อเจอน้ำครั้งแรก หากไม่แน่ใจว่าเสื้อผ้าจะหดตัวหรือไม่ ก่อนที่จะซักผ้าสามารถลองใช้กระบอกฉีด น้ำลงบนเนื้อผ้าบริเวณใดบริเวณหนึ่ง หากเนื้อผ้าหดตัวมากอย่างเห็นได้ชัด เคล็ดลับการซักผ้ายืดไม่ให้ย้วย
เสื้อยืดสลิมฟิตเท่ห์ๆ ที่ซื้อมา เป็นใครก็อยากเก็บให้ฟิตไปนานๆ ก่อนซักให้กลับด้านในออกข้างนอกนะค่ะ
- หากซักด้วยเครื่องซักผ้าให้นำเสื้อยืดใส่ในถุงตาข่ายสำหรับใส่ผ้าซัก และกดปุ่มเลือกโปรแกรมการซักสำหรับผ้าเนื้อบาง หรือปุ่ม Delicate wash เพื่อถนอมเนื้อผ้าในขณะซักนั่นเองค่ะ
- การซักด้วยมือก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะถนอมเสื้อยืดของเราไม่ให้ย้วยได้ค่ะ คอเสื้อและแขนเสื้อเป็นส่วนที่มีการยืดย้วยได้ง่ายที่สุด ทำการซักผ้าตามปกติแต่ขยี้ส่วนคอและแขนเสื้อแต่พอดี ใช้มือขยี้และไม่ขยี้แรงจนเกินไป เมื่อซักเสร็จให้บิดเสื้อแต่พอหมาด การหมุนเป็นเกลียวหลายๆ รอบ เพื่อนๆ อาจคิดว่าจะทำให้เสื้อยืดแห้งเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้เสื้อยืดกลายเป็นเสื้อย้วยเร็วขึ้นเช่นเดียวกันนะคะ
- อีกส่วนสำคัญคือการตากเสื้อยืด การตากเสื้อยืดที่ไม่ถูกต้องย่อมมีผลต่อเสื้อยืดอย่างแน่นอน คนส่วนมากจะแขวนเสื้อยืดกับไม้แขวนผ้าและจะพบว่าบ่าเสื้อยืดของเราได้ย้วยไปแล้ว วิธีง่ายๆ ในการแขวนเสื้อยืดทั้งตอนตากและหลังจากรีดแล้วคือพับครึ่งและพาดไว้กับไม้แขวนผ้า จะช่วยป้องกันการยืดย้วยของ
เสื้อยืดได้ค่ะ
หากเรารู้วิธีการอย่างถูกวิธี ก็แน่ใจได้เลยว่าเราจะสามารถมีเสื้อที่คงรูปทรงใส่ได้ไปอีกนานเลยทีเดียว
ข้อมูลจาก : www.handmade-t-shirt.com, www.clipmass.com, home.kapook.com, thaijobsgov.com, www.poloeasyexpress.com
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cooking, TIPS & TRICK
พฤติกรรมแบบไหน…พาไกลมะเร็ง
พฤติกรรมแบบไหน …พาเราไกลจากมะเร็ง
ยุค สมัยนี้ คำว่า “ มะเร็ง “ กลายเป็นสิ่งที่ได้ยินบ่อยจนกลายเป็นคนคุ้นเคยไปเสียแล้วแม้เราๆ จะไม่อยากคุ้นเคยก็ตาม ยิ่งช่วงนี้ ข่าวของดาราที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง กำลังเป็นกระแสให้คนตระหนักถึงโรคนี้มากขึ้น ว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป วันนี้ ELVIRA จะมาบอกเล่าถึงวิธี การดูแลสุขภาพเพื่อให้ห่างไกลจากโรคนี้กันค่ะ
นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เปิดเผยว่า โรคมะเร็งยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่งของคนไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และยังคงสูงอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 100 คน ต่อประชากร 100,000 คน โรคมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย สามารถจำแนกในแต่ละเพศได้ดังนี้คือ
เพศชาย 5 อันดับแรกของมะเร็งที่พบบ่อยคือ มะเร็งตับและท่อน้ำดี, มะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ส่วน 5 อันดับแรกของมะเร็งที่พบบ่อยในเพศหญิง คือ มะเร็งเต้านม, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งตับ, มะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้ใหญ่
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งมี 3 ปัจจัยหลัก คือ
1. กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุเพียง 5-10% ของปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด
2. พฤติกรรม ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
3. สิ่งแวดล้อม ที่ประกอบไปด้วยมลภาวะต่างๆ กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุเพียง 5-10% ของปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด
จากปัจจัยเสี่ยงข้างต้นกรรมพันธุ์ถือว่ามีผล เพียง 10% แต่ถ้าเป็นเรื่องของพฤติกรรมหรือการใช้ชีวิตประจำวัน ถือว่ามีผลทำให้เกิดความเสี่ยงมาก และสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะมีพฤติกรรมมากมาย ที่ทำให้เราก้าวขาเข้าสู่ความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคร้ายนี้ได้มีดังนี้ คือ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงจากพื้นที่ที่มีอากาศหรือมลภาวะเป็นพิษ อย่างท่อไอเสียจากรถยนต์ หรือควันจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น
- อาหารการกินควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย เน้นทาน ผักผลไม้ที่ให้วิตามิน C และ A สูง เช่น ส้ม, มะนาว, สตรอว์เบอร์รี่, ฝรั่ง, แครอท, มะละกอ, ทานอาหารที่ให้กากใยหรือไฟเบอร์มาก เช่น ข้าวโพด, เมล็ดธัญพืชต่างๆ ฯลฯ, ผักตระกูลกะหล่ำเช่น ดอกกะหล่ำ, กะหล่ำปลี, บร็อกโคลี, หรือผักคะน้า ฯลฯ, ควรจำกัดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมัน, หลีกเลี่ยงอาหารปิ้ง ย่าง ทอด รมควัน เนื้อสัตว์แปรรูป หรือของหมักดอง รวมทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ไม่รับประทานอาหารจากน้ำมันทอดซ้ำ ไม่ดื่มสุราแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภทสุกๆ ดิบๆ อย่าง ก้อย ปลาจ่อม เป็นต้น
- พยายามหลีกเลี่ยงการตากแดด โดยเฉพาะในเวลาหลัง 09.00 น. เป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงที่มีรังสีอัลตราไวโอเลตจำนวนมากที่ทำลายเซลล์ผิวหนังของเรา และอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้
- ออกกำลังกายเป็นนิจ
- ทำจิตใจแจ่มใส
- ตรวจร่างกายเป็นประจำ
การดูแลตัวเองเป็นสิ่งจำเป็น การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงสร้างพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันที่ดี จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ ร้อยละ 40 อ่านถึงตรงนี้ เราจะเห็นว่าพฤติกรรมที่จะพาเราให้ห่างไกลจากโรคร้ายนี้ ไม่ได้ทำให้ชีวิตประจำวันเราอยู่ยากอะไร เพิ่มขึ้นเลย เริ่มดูแลตัวเองกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของเราตลอดไป
ข้อมูลจาก : Kaijeaw.com, เกร็ดความรู้.net
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cleaning, TIPS & TRICK
สาวมั่นกับการขจัดคราบ
สาวมั่นกับการขจัดคราบ
เซ็งไหม หากเราต้องเจอกับคราบเลอะๆ เทอะๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่
เพราะเสื้อตัวโปรดต้องมาเปื้อนคราบ ที่ไม่ควรเปื้อน…แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับสาวมั่นอย่างเรา วันนี้ ELVIRA ได้รวบรวมวิธีการขจัดคราบให้เสื้อตัวโปรด กลับมาสวยปิ๊งเหมือนไม่เคยโดนคราบมาก่อน พร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ
- รอยเปื้อนลิปสติก
ใช้วาสลินถูตรงรอยเปื้อน แล้วนำไปซักตามปกตินำผ้าที่เปื้อนไปแช่ในน้ำผสมเกลือทิ้งไว้ 1 คืน จะทำให้รอยลิปสติกหายไปจากนั้นซักได้ตามปกติ - เสื้อผ้าที่เลอะยาทาเล็บ
หากน้ำยาทาเล็บหก ให้รีบหยดน้ำยาล้างเล็บลงที่รอยเดิมเล็กน้อยและค่อยๆ เช็ดด้วยสำลีหรือผ้าที่สะอาด จนกระทั่งรอยเปื้อนจางลง (ควรลองหยดน้ำยาล้างเล็บลงผ้าก่อน) หากน้ำยาล้างเล็บบนผ้าเริ่มแห้งเทน้ำยาล้างเล็บบนผ้าที่ใช้ซับ ซับไปเรื่อยๆ จนรอยจางลง ก่อนจะนำไปซักกลับผ้าด้านในและแต้มด้วยน้ำยาล้างเล็บที่ด้านหลังของรอยเปื้อนบนผ้า ก่อนนำไปซักตามปกติ แต่วิธีนี้ห้ามใช้กับผ้าใยสังเคราะห์
ถ้าน้ำยาทาเล็บเปื้อนบนผ้าใยสังเคราะห์ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการใช้ Tar Ko ของ ELVIRA หยดบนรอยเปื้อน โดยทำผ้าให้เปียกแล้วขยี้ เบาๆ ตรงบริเวณรอยเปื้อน แล้วนำไปซักตามปกติ
** ผ้าสีเข้ม Tar Ko ต้องเทสเพื่อป้องกันการกัดสีผ้าไม่ให้ด่าง โดยการพลิกเอาด้านในของผ้าตรงบริเวณที่ตะเข็บ เลือกที่หนาๆ แล้วลองหยด Tar Ko ลงไปถ้าผ้าไม่ด่างแสดงว่าใช้กับผ้าชนิดนั้นได้
- รอยเปื้อนสนิม
นำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อนทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงนำไปซักตามปกติ หรือ
บีบมะนาว แล้วราดน้ำเกลือให้ชุ่มตรงรอยเปื้อน นำไปตากแดด จากนั้นค่อยนำซักตามปกติ หรือ
ใช้ Rust Ko ของ RIKA โดยทำให้ผ้าเปียกก่อน แล้วจึงนำ Rust Ko มาหยดบริเวณที่มีรอยเปื้อนประมาณ 2-3 หยด แล้วล้าง ด้วยน้ำเปล่า ถ้ายังไม่ออกให้ทำซ้ำ และขยี้เบาๆ แล้วจึงนำไปซักต่อตามปกติ - รอยเปื้อนเลือด
ที่สำคัญคือต้องรีบทำความสะอาดทันที อย่าทิ้งไว้ ใช้กระดาษซับเลือดออกให้มากที่สุด จากนั้นให้เปิดน้ำสะอาด ไหลผ่าน ให้คราบเลือดจางที่สุด
นำเสื้อไปแช่กับน้ำเย็นจัด เพื่อป้องกันโปรตีนในเลือดจับตัวฝั่งแน่น ใช้น้ำยาซักผ้าสูตรเข้มข้นป้ายลงไปบนคราบ เสร็จแล้วก็ลงมือขยี้ผ้าเบาๆ เพื่อจำกัดคราบ แล้วให้นำไปซักตามปกติ หรือ
ถ้าคราบเลือดที่แห้งกรัง ลองใช้ไฮโดรเจนเปออ็อกไซด์ เมื่อคราบจางหมดแล้ว ให้นำไปซักตามปกติ หรือ
หากเหลือรอยคราบเลือดจางๆ ใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำสักเล็กน้อย จนแป้งข้นๆ นำไปถูเบาๆ ตรงรอยเปื้อน เมื่อแห้งจึงปัดฝุ่นออกจากนั้นซักได้ตามปกติ หรือ
หากไม่ออก ให้ใช้ Rust Ko ของ RIKA โดยทำผ้าให้เปียกก่อนแล้วจึงหยด Rust Ko ลงไป 2-3 หยดและล้างด้วยน้ำสะอาด
*** ไม่ควรรีดเสื้อผ้าที่ยังมีคราบเลือดเหลืออยู่ หรือนำไปตากแดดโดนความร้อน เพราะคราบเลือดจะฝังแน่น อาจขจัดไม่ออกอีกเลย - เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดฝังแน่น
ขจัดคราบโดยใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำสักเล็กน้อย จนแป้งข้นๆ ถูเบาๆ เมื่อแห้งจึงปัดฝุ่นออกขจัดคราบโดยใช้จากนั้นซักได้ตามปกติ
ฟองน้ำจุ่มน้ำเย็น ที่ผสมเกลือจนชุ่ม ถูเบาๆ จนรอยค่อยๆ จางลง แล้วใช้น้ำเปล่าถูอีกครั้ง สุดท้ายใช้ทิชชูซับน้ำให้แห้งจากนั้นซักได้ตามปกติ หรือ
ใช้ Rust Ko ของ RIKA โดยทำให้ผ้าเปียกก่อน แล้วจึงนำ Rust Ko มาหยดบริเวณที่มีรอยเปื้อนประมาณ 2-3 หยด แล้วล้างด้วยน้ำเปล่า ถ้ายังไม่ออกให้ทำซ้ำ และขยี้เบาๆ แล้วจึงนำไปซักต่อตามปกติ
หวังว่าวิธีขจัดคราบเหล่านี้จะช่วยให้สาวๆ มีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบดี๊ดี ได้อีกมากโขกันเลยทีเดียว สาวๆ คนไหนมีปัญหาการขจัดคราบอื่นๆ สามารถเขียนคำถามมาได้ที่ [email protected] นะคะ >.<
ข้อมูลจาก : Sanook home, sitesample, LIEKR, Cleanipedia
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cleaning, TIPS & TRICK
เคล็ดไม่ลับ การทำความสะอาดบ้าน
เคล็ดไม่ลับ การทำความสะอาดบ้าน
วันนี้เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ในการทำความสะอาดบ้านหรือจะให้ง่ายกว่านั้นก็ทำบ้านให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องมาปวดหัวกับการทำความสะอาดบ่อยๆ อีกต่อไปแล้ว ใครอยากรู้บ้างว่าทำอย่างไร ตามมาดูกันได้เลย
1. จัดวางข้าวของให้เป็นระเบียบ
หากเราทำนิสัยให้เป็นคนจัดของให้เป็นระเบียบได้เราจะไม่ต้องเหนื่อยทำความสะอาดเลย เพราะการจัดของเข้าที่นั้นจะช่วยให้มีพื้นที่ใช้งานที่มากขึ้น จะหาของอะไรก็หาได้ง่าย ดูเรียบร้อยไม่รกตาและยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย โดยเริ่มจาก
- จัดทุกอย่างลงกล่อง
การทำความสะอาดที่ง่ายที่สุดคือจัดของที่ไม่จำเป็นลงกล่องแล้วปิดให้เรียบร้อย ประหยัดเวลาในการเก็บและหาของที่ต้องการได้ง่ายอีกด้วย - เก็บของไว้ใต้เตียง
อยากจะบอกว่าพื้นที่ใต้เตียงนี่กว้างมากกว่าที่คุณคิดอีก ของที่ไม่ใช้แล้วหรือนานๆ ใช้ทีเอาใส่กล่องแล้วยัดไว้ใต้เตียงนี่แหละง่ายที่สุด แต่ควรทำความสะอาดใต้เตียงให้เรียบร้อยไร้ฝุ่นก่อนนะ - ใต้บันไดอย่าให้ว่าง
ใครว่าใต้บันไดเป็นพื้นที่สำหรับห้องน้ำเท่านั้น? เก็บของใต้บันไดอย่างมีดีไซน์แบบนี้ดูสิ เป็นตู้ลิ้นชักเลื่อนที่สามารถเก็บของใช้ต่างๆ เสื้อผ้าและรองเท้าได้อย่างเป็นระเบียบ รองเท้าเริ่มเยอะเมื่อไรก็จับมาใส่ตู้ใต้บันไดได้หมดเลย
2. ทำความสะอาดจากชั้นบนสุดของบ้านก่อนการทำความสะอาดบ้านควรเริ่มจากชั้นบนสุดของบ้านก่อน โดยเริ่มจากปัดฝุ่นเพดาน ก่อนที่จะทำความสะอาดพื้น เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกจากเพดานตกลงบนพื้น ทำลงมาเรื่อยๆ ทีละชั้น เพราะถ้าทำชั้นล่างก่อน ฝุ่นผงต่างๆ อาจจะปลิวเลอะลงมาได้ในขณะที่ทำชั้นบน และทำให้คุณไม่ต้องมาทำความสะอาดซ้ำสอง
3. ปัดหรือเช็ดฝุ่นที่ตู้ และโต๊ะก่อนเพื่อให้ฝุ่นหรือเศษผงต่างๆ ปลิวลงมาที่พื้น แล้วค่อยกวาดเก็บเศษผงทีเดียว
4. ควรทำความสะอาดเป็นห้องๆเช่น ทำความสะอาดห้องนอนให้เสร็จทั้งหมดก่อน ค่อยไปทำความสะอาดห้องอื่นๆ อย่างห้องน้ำ และห้องครัว เพื่อความสะดวกต่อการใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดและจะได้ไม่วุ่นวายด้วย
- การทำความสะอาดห้องน้ำ
เป็นห้องที่สำคัญอีกห้องหนึ่งของบ้าน ควรเป็นห้องที่สะอาดที่สุดเพราะเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคเลยทีเดียว การทำความสะอาดห้องน้ำมักจะเป็นงานยาก เหนื่อยและใช้เวลามาก ดังนั้นเวลาอาบน้ำก็ขัดๆ ถูๆ พื้นห้องน้ำไปด้วย จะได้ไม่เปลืองแรงขัดหนักๆ อีกต่อไป - การทำความสะอาดห้องครัว
ก็เป็นอีกห้องที่ควรทำความสะอาดอย่างละเอียด เพราะห้องครัวเป็นห้องที่ใช้ประกอบอาหาร ทำให้มีทั้งเศษอาหารและกลิ่นสะสมอยู่ในห้องนี้ควรเริ่มทำความสะอาดจากของใหญ่ๆ อย่างเตาแก๊ส โดยเช็ดคราบน้ำมัน และซอสต่างๆ ที่ติดฝังอยู่ ถัดมาควรทำความสะอาดตู้เย็น โดยการนำของออกมาให้หมดก่อน แล้วจึงทำความสะอาดแต่ละชั้น หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จแล้ว เลือกอาหาร ที่ยังไม่เน่าเสีย หรือ ยังไม่หมดอายุ จัดเก็บเข้าไปอย่างเป็นระเบียบ - ห้องนอน
ถือว่าเป็นห้องที่เราใช้เวลาอยู่ มากกว่าห้องอื่นๆ ในบ้านเลยก็ว่าได้ การทำความสะอาดก็ไม่ต่างกับห้องอื่นๆ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ ไม้ขนไก่ปัดฝุ่น เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นฟุ้งในอากาศ ควรเลือกวิธีการทำความสะอาดโดยใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดจะดีกว่า โดยเฉพาะผ้าปูที่นอนอย่าลืมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพราะที่นอนเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น ซึ่งจะทำให้คนที่นอนเกิดอาการไม่สบายได้
5. ถ้าที่บ้านมีมุ้งลวดควรถอดออกมาล้างให้สะอาดแล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท ก่อนนำมาติดตั้งใหม่ แต่ถ้ามุ้งลวด มีขนาดใหญ่ การที่จะถอดออกมาล้างไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ใช้ C2 เครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำ ของ ELVIRA ที่สามารถ ใช้ทำความสะอาดมุ้งลวดได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องถอดมุ้งลวดออก (ข้อมูลเพิ่มเติมหน้า website ELVIRA)
6. ทำความสะอาดผ้าม่านผ้าม่านเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างสีสันบรรยากาศให้กับบ้าน แต่ก็เป็นตัวร้ายเช่นกัน เพราะฝุ่นชอบไปเกาะสะสมกันที่ผ้าม่าน วิธีการทำความสะอาดคือ
- การใช้ไม้ขนไก่ปัดที่ผ้าม่านทุกวันจะช่วยให้เราไม่ต้องทำความสะอาดมากนัก หรือ
- หากผ้าม่าน อมฝุ่นแล้ว และไม่ได้ซักเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ก็คงต้องถอดผ้าม่านไปซักทำความสะอาด หรือ
- ใช้เครื่องดูดฝุ่น กรณีที่ถอดซักไม่ได้ หรือ อีกทางเลือกหนึ่งคือ
- ใช้ C2 เครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำ ของ ELVIRA ที่สามารถ ใช้ทำความสะอาดผ้าม่านที่ถอดซักไม่ได้ ไม่ว่าผ้าม่านนั้นจะผืนใหญ่ และถูกติดตั้งสูงขนาดไหนก็ตาม (ข้อมูลเพิ่มเติมหน้า website ELVIRA)เพราะผ้าม่านเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นที่มีอยู่มากมายโดยที่เรามองไม่เห็น ข้อนี้อย่ามองข้ามไปนะจ้ะ JJ
7. นำพรมเช็ดเท้าไปทำความสะอาดโดยการดูดฝุ่น แล้วตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค
8. หลอดไฟ และโคมไฟเป็นอีกจุดที่หลายๆ คนมักลืมที่จะทำความสะอาด เพราะดูเผินๆ อาจไม่ได้รู้สึกว่า หลอดไฟนั้นสกปรก แต่จริงๆแล้วฝุ่นก็มักจะติดอยู่ตามหลอดไฟเช่นเดียวกันกับเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ขั้นตอนการทำความสะอาดคือ ปิดไฟถอดปลั๊ก ก่อนที่จะไขเอาหลอดไฟมาทำความสะอาด เพื่อป้องกันการโดนไฟดูด หลังจากนั้นหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาด อย่าให้หลอดไฟเปียก เพราะถ้าหลอดไฟเปียกอาจทำให้ไฟช็อตได้
9. อุปกรณ์ในการทำความสะอาด
นอกจากจะทำความสะอาดบ้านแล้ว ก็ไม่ควรลืมที่จะทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาด เพื่อชำระล้างเชื้อโรคที่สะสมอยู่ ทำให้ไม่เกิดการสะสมของเชื้อโรคในครั้งต่อๆ ไป
วิธีง่ายๆ เหล่านี้เป็นเคล็ดที่ไม่ลับสามารถทำกันได้อย่างไม่ยุ่งยาก สำหรับทุกบ้านที่เอาไว้ใช้เป็นแนวทางในการทำให้บ้านสะอาดได้ ลองทำดูแล้วรับรองคุณจะต้องชอบแน่นอน
ข้อมูลจาก
Website : Sanook Home
Website : Cleanipedia.com
Website : suscleaningservices.com
Cooking, TIPS & TRICK
ทำบุญตักบาตรอย่างไรให้ได้บุญ
ทำบุญใส่บาตร อย่างไรให้ได้บุญ
เข้าพรรษาแล้ว เห็นชาวพุทธเข้าวัดทำบุญใส่บาตรกันอย่างคึกคัก ก็รู้สึกปลื้มจิต ปลื้มใจกันไม่น้อยทีเดียว วันนี้ ELVIRA ได้รวบรวมข้อมูลที่ถือว่าเป็นประโยชน์และได้บุ๊น ได้บุญมาให้แฟนๆ สายบุญได้อ่านกันจ้า
ปัจจุบัน มากกว่า 50% ของพระในกรุงเทพฯ และเขตเมืองมีความเสี่ยงต่อโรคอ้วน สูงกว่าชายในกรุงเทพ (39%) และชายทั่วประเทศ (28%) ปัจจัยที่ทำให้พระสงฆ์มีปัญญาด้านสุขภาพมากขึ้นก็เพราะอาหารที่บรรดาญาติโยมทั้งหลายนำมาใส่บาตร ทั้งของคาวของหวานรสอร่อยแต่กลับพ่วงโรคร้าย ไม่ว่าจะเป็น โรคความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และหลอดเลือด ฯลฯ ดังนั้นเราควรพิถีพิถันตั้งแต่การปรุงอาหาร
วิธีการปรุงควรปรุงแบบ นึ่ง ยำ ย่าง เผา อ่อม หมก แทนการผัด และทอด ควรลดหวาน มัน เค็ม และกะทิ น้ำปานะ ควรลดความหวาน เน้นเพิ่มโปรตีน เช่น นมถั่วเหลือง นมจืดชนิดไขมันต่ำ โยเกิร์ตแบบหวานน้อย
ประเภทอาหารที่จะถวาย ควรเลือกโดยเฉพาะกลุ่มเหล่านี้
- กลุ่มโปรตีนโดยเฉพาะเมนูปลา (ให้โปรตีนและไขมันดี)
- กลุ่มธัญพืช ข้าวประเภทต่างๆ เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวซ้อมมือ ฯลฯ โฮลวีท งาดำ ลูกเดือย เห็ด และพืชตระกูลถั่ว เพราะให้เส้นใยอาหารครบ 5 หมู่, วิตามินบีและอี ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, ลดความดันโลหิต, ป้องกันมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ฯลฯ
- กลุ่มแร่ธาตุ อาทิ ตำลึง คะน้า ใบขึ้นฉ่าย กุยช่าย นมสด ไข่ เนื้อสัตว์ เครื่องใน ฯลฯ ซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็ง, โรคหัวใจ, ไขมันอุดตันในเส้นเลือด, ลดคอเลสเตอรอล และมีธาตุเหล็ก ป้องกันโรคโลหิตจาง
- กลุ่มผักผลไม้ ควรเลือกซื้อเป็นผักพื้นบ้านและผักตามฤดูกาล เพราะจะได้ผักที่สด และราคาถูก เพราะผักและผลไม้แต่ละชนิดมีคุณประโยชน์ต่างกันไป อาทิ กระเทียม ช่วยลดคอเลสเตอรอล และความดัน, ขิงข่า ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ทำบุญตักบาตรครั้งต่อไป ก็อย่าลืมเพิ่มความใส่ใจสุขภาพของพระสงฆ์กันให้ด้วยนะค่ะ คนใส่บาตรก็ได้อิ่มใจ พระท่านก็ได้สุขภาพที่ดี
ข้อมูลจาก : นพ.ประดับ สุขุม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ, Club Sanook.com, www.thaihealth.or.th
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai