Cleaning, TIPS & TRICK
การดูแลเท้า ช่วงหน้าฝน

การดูแลเท้า ช่วงหน้าฝน
เข้าสู่หน้าฝนอย่างเต็มฤดูแล้ว ฝนเจ้ากรรมก็รู้เวลาตกเสียด้วยสิ ชอบตกเวลาเลิกงาน เลี่ยงไม่ได้เลย ที่เท้าสวยๆ ของเราต้องเดินลุยน้ำ ที่มีสิ่งปนเปื้อนมากมายตามสภาวะ ที่เต็มไปด้วยมลพิษ ทั้งเชื้อโรคที่ มาพร้อมความชื้นแฉะ ดังนั้น การดูแลเท้าของเราในช่วงนี้ จึงมีความสำคัญมาก เราจึงต้องใส่ใจสุขภาพเท้ามากเป็นพิเศษ
วันนี้ ELVIRA มีวิธีการรับมือกับช่วงหน้าฝน ไม่ให้เท้าของเราต้องเสี่ยงติดเชื้อโรค หรือเป็นแผลอันเกิดจากการเดินลุยน้ำท่วม กันค่ะ
- เริ่มจากควรเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับช่วงหน้าฝน ควรเป็นรองเท้าแบบที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่อมน้ำง่าย เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง และกลิ่นเหม็นอับได้
- ถ้าเลี่ยงได้ ไม่ควรเดินลุยน้ำ หากเลี่ยงไม่ได้ ก่อนลุยน้ำควรใช้ขี้ผึ้ง เช่น วาสลีน ทาเคลือบผิว เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสัมผัสกับน้ำได้มาก ถ้าไม่มีน้ำเพียงพอที่จะทำความสะอาด การเช็ดเท้าให้แห้งอยู่เสมออย่างน้อยก็จะลดปัญหาของผิวได้ เพราะถ้าเท้าโดนน้ำอยู่ต่อเนื่องก็จะเกิดเท้าเปื่อย ผิวแตกลอกได้
- ควรระวังไม่เดินย่ำน้ำด้วยเท้าเปล่า เพื่อป้องกันการโดนสิ่งมีคม เช่น เศษแก้ว เศษกระเบื้อง เพราะอาจเกิดการบาดเจ็บ หรือเป็นแผลบริเวณเท้าเนื่องจากถูกแก้วบาด หรือตอไม้ทิ่มตำ เพราะเมื่อมีบาดแผลดังกล่าวแล้วหากยังเดินย่ำน้ำต่อจะเกิดอันตรายจากการติดเชื้อสูงขึ้นไปอีก สิ่งสกปรกหรือเชื้อโรคก็จะเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการโดนสัตว์มีพิษกัดต่อยได้ เช่น ตะขาบ หรืองู หรือมีโอกาสที่จะมีพยาธิไชผ่านผิวหนังได้ ดังนั้นควรใส่รองเท้าให้เหมาะสมกับหน้าฝน ดีที่สุดสำหรับเท้าเรา
- ขณะเดินอยู่ในน้ำ เราควรยกเท้าเหนือน้ำ เมื่อต้อง การจะก้าวเท้าต่อไป ไม่ควรก้าวเท้าโดยให้เท้าอยู่ใต้น้ำ เพราะการกระทำเช่นนี้จะทำให้เดินช้าลง และใช้เวลาลุยน้ำนานขึ้น โดยได้ระยะทางน้อย
- ควรล้างเท้าให้สะอาดทันทีหลังจากเดินลุยน้ำแล้ว เช็ดเท้าให้แห้งสนิททุกครั้ง โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้าต้องให้แห้งจริงๆ
วิธีการล้างเท้าสามารถทำได้ 2 วิธีคือ
- ล้างเท้าโดยใช้สบู่ถูบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับน้ำ เน้นตรงซอกเท้า ซอกเล็บด้วย บริเวณซอกเล็บควรใช้ แปรงอ่อนๆ จุ่มสบู่เล็กน้อยและถูเบาๆ ทำให้เชื้อโรคหรือไข่พยาธิต่างๆ หลุดออกไปได้หมด หรือจะแช่เท้าในอ่างบรรจุน้ำสะอาดสัก 15-30 นาที แล้วเช็ดเท้าให้แห้งสนิท เพื่อไม่ให้เกิดความชื้น ซึ่งอาจทำให้เกิดเชื้อรา เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นแหล่งของโรคที่เกิดในช่วงฤดูฝน ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัดชนิดต่าง ๆ โรคฉี่หนู โรคไข้เลือดออก โรคตาแดง แต่โรคที่คนส่วนใหญ่มักเป็นกันบ่อยครั้งและพบมากในช่วงฤดูฝน คือ โรคน้ำกัดเท้า หรือ ฮ่องกงฟุต
- การทำความสะอาดอาจใช้เกล็ดด่างทับทิมผสมน้ำเพื่อฆ่าเชื้อ ผสมให้น้ำเป็นสีชมพูอ่อน แช่เท้าประมาณ 5 นาที
- อาจใช้แป้งฝุ่นโรยสักเล็กน้อยเพื่อเป็นการหล่อลื่นผิวหนัง ถ้าหากเกิดอาการ ผด ผื่น คัน ให้รีบปรึกษาแพทย์
- ควรทาโลชั่น หรือครีมบำรุงสุขภาพเท้าบางๆ เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้นกับผิว ทั้งหลังเท้าและฝ่าเท้า ห้ามทาครีมบริเวณซอกนิ้วเท้า เพราะอาจเกิดการหมักหมมของเชื้อราได้สำหรับคนที่ผิวแห้ง ไม่ควรทาครีมแบบมีน้ำหอม
- กรณีผู้ที่มีแผลที่เท้าควรหลีกเลี่ยงการโดนน้ำให้ได้มากที่สุด เพราะอาจจะทำให้แผลหายช้า และอาจมีการติดเชื้อโรคต่างๆ ที่ตามมากับหน้าฝน หากเลี่ยงไมได้ ควรรีบทำความสะอาดโดยเร็วที่สุด ใช้ยาฆ่าเชื้อโรค, เบตาดีน หรือน้ำเกลือทำความสะอาดแผล ถ้าบาดแผลขนาดใหญ่ ควรรีบพบแพทย์ และควรฉีดยาหรือ วัคซีนป้องกันบาดทะยัก
- ถ้ามีอาการคันบริเวณผิวหนังซึ่งจุ่มน้ำ แสดงว่าผิวหนังได้รับการระคายเคืองมากจากสิ่งปฏิกูลในน้ำ ควรทายาแก้คัน เช่น คาลาไมน์ หรือครีมแก้คันอื่นๆ เช่น ไทรแอมซิโนโลน
- ถ้าเล็บยาวต้องตัดเล็บเท้าอย่างถูกวิธี โดยตัดตรงตามแนวขอบเล็บเท่านั้น ไม่ตัดเล็บเซาะเข้าไปด้านข้างหรือจมูกเล็บ และไม่ควรตัดเล็บให้สั้นเกินไป
- ควรนำรองเท้าที่เปียกน้ำไปตากแดด เช่น รองเท้าผ้าใบ รองเท้าหนัง ก่อนตาก ควรล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย จากนั้นนำไปตากแดดให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย
เพียงแค่นี้ก็จะมีสุขภาพเท้าที่ดีได้ ด้วยตัวเองแล้ว ปัญหาสุขภาพ เท้าในช่วงหน้าฝนที่หลายๆคนเคยเจอก็จะหมดไปแน่นอน!!
ข้อมูลจาก : www.thaihealth.or.th, www.kapook.com, www.rno.moph.go.th
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Laundry, TIPS & TRICK
ซักผ้าอย่างไร ไม่ให้ยืดและหด

ซักผ้าอย่างไร ไม่ให้ยืดและหด
การซักผ้าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อสำหรับหลาย ๆ คน ยิ่งซักไปซักมาผ้าย้วยอีก เศร้าแพร๊พ!! แต่ไม่ต้องเครียดไป เพราะวันนี้ ELVIRA มีเคล็ดลับดีๆ มาฝาก ค่ะ
เคล็ดลับการซักผ้าไม่ให้หด
อาการหดของผ้าเป็นได้จากหลายสาเหตุขึ้นอยู่กับประเภทของเส้นใย ELVIRA ได้รวบรวมเทคนิคการซักผ้าไม่ให้หดมาให้แฟนๆ ได้อ่านกันโดย
- ให้ตรวจสอบป้ายสัญลักษณ์ การซักผ้าให้ดีว่าผ้าที่เราซื้อมานั้นเป็นเส้นใยประเภทใด และ เหมาะกับการซักด้วยเครื่องซักผ้าหรือซักด้วยมือหรือซักแห้ง เพราะผ้าบางชนิดควรต้องซักด้วยมือหรือซักแห้งเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาผ้าหดหรือสีตก
- ผ้าใยสังเคราะห์ส่วนมากจะหดจากการเจออุณหภูมิสูงจึงไม่ควรซักด้วยน้ำร้อน หากต้องการสลายคราบบนเสื้อผ้า โดยทำการแช่น้ำ ไม่ควรแช่ผ้าในน้ำร้อน ในเวลานานเกินไปและหลีกเลี่ยงการอบผ้าที่ใช้อุณหภูมิสูง เพราะความร้อนสามารถทำให้ผ้าหดตัวได้
- ผ้าใยธรรมชาติส่วนมากจะหดเมื่อเจอน้ำครั้งแรก หากไม่แน่ใจว่าเสื้อผ้าจะหดตัวหรือไม่ ก่อนที่จะซักผ้าสามารถลองใช้กระบอกฉีด น้ำลงบนเนื้อผ้าบริเวณใดบริเวณหนึ่ง หากเนื้อผ้าหดตัวมากอย่างเห็นได้ชัด เคล็ดลับการซักผ้ายืดไม่ให้ย้วย
เสื้อยืดสลิมฟิตเท่ห์ๆ ที่ซื้อมา เป็นใครก็อยากเก็บให้ฟิตไปนานๆ ก่อนซักให้กลับด้านในออกข้างนอกนะค่ะ
- หากซักด้วยเครื่องซักผ้าให้นำเสื้อยืดใส่ในถุงตาข่ายสำหรับใส่ผ้าซัก และกดปุ่มเลือกโปรแกรมการซักสำหรับผ้าเนื้อบาง หรือปุ่ม Delicate wash เพื่อถนอมเนื้อผ้าในขณะซักนั่นเองค่ะ
- การซักด้วยมือก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะถนอมเสื้อยืดของเราไม่ให้ย้วยได้ค่ะ คอเสื้อและแขนเสื้อเป็นส่วนที่มีการยืดย้วยได้ง่ายที่สุด ทำการซักผ้าตามปกติแต่ขยี้ส่วนคอและแขนเสื้อแต่พอดี ใช้มือขยี้และไม่ขยี้แรงจนเกินไป เมื่อซักเสร็จให้บิดเสื้อแต่พอหมาด การหมุนเป็นเกลียวหลายๆ รอบ เพื่อนๆ อาจคิดว่าจะทำให้เสื้อยืดแห้งเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้เสื้อยืดกลายเป็นเสื้อย้วยเร็วขึ้นเช่นเดียวกันนะคะ
- อีกส่วนสำคัญคือการตากเสื้อยืด การตากเสื้อยืดที่ไม่ถูกต้องย่อมมีผลต่อเสื้อยืดอย่างแน่นอน คนส่วนมากจะแขวนเสื้อยืดกับไม้แขวนผ้าและจะพบว่าบ่าเสื้อยืดของเราได้ย้วยไปแล้ว วิธีง่ายๆ ในการแขวนเสื้อยืดทั้งตอนตากและหลังจากรีดแล้วคือพับครึ่งและพาดไว้กับไม้แขวนผ้า จะช่วยป้องกันการยืดย้วยของ
เสื้อยืดได้ค่ะ
หากเรารู้วิธีการอย่างถูกวิธี ก็แน่ใจได้เลยว่าเราจะสามารถมีเสื้อที่คงรูปทรงใส่ได้ไปอีกนานเลยทีเดียว
ข้อมูลจาก : www.handmade-t-shirt.com, www.clipmass.com, home.kapook.com, thaijobsgov.com, www.poloeasyexpress.com
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cooking, TIPS & TRICK
พฤติกรรมแบบไหน…พาไกลมะเร็ง

พฤติกรรมแบบไหน …พาเราไกลจากมะเร็ง
ยุค สมัยนี้ คำว่า “ มะเร็ง “ กลายเป็นสิ่งที่ได้ยินบ่อยจนกลายเป็นคนคุ้นเคยไปเสียแล้วแม้เราๆ จะไม่อยากคุ้นเคยก็ตาม ยิ่งช่วงนี้ ข่าวของดาราที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง กำลังเป็นกระแสให้คนตระหนักถึงโรคนี้มากขึ้น ว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป วันนี้ ELVIRA จะมาบอกเล่าถึงวิธี การดูแลสุขภาพเพื่อให้ห่างไกลจากโรคนี้กันค่ะ
นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เปิดเผยว่า โรคมะเร็งยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเป็นอันดับหนึ่งของคนไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และยังคงสูงอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 100 คน ต่อประชากร 100,000 คน โรคมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย สามารถจำแนกในแต่ละเพศได้ดังนี้คือ
เพศชาย 5 อันดับแรกของมะเร็งที่พบบ่อยคือ มะเร็งตับและท่อน้ำดี, มะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ส่วน 5 อันดับแรกของมะเร็งที่พบบ่อยในเพศหญิง คือ มะเร็งเต้านม, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งตับ, มะเร็งปอด, มะเร็งลำไส้ใหญ่
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งมี 3 ปัจจัยหลัก คือ
1. กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุเพียง 5-10% ของปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด
2. พฤติกรรม ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
3. สิ่งแวดล้อม ที่ประกอบไปด้วยมลภาวะต่างๆ กรรมพันธุ์ เป็นสาเหตุเพียง 5-10% ของปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด
จากปัจจัยเสี่ยงข้างต้นกรรมพันธุ์ถือว่ามีผล เพียง 10% แต่ถ้าเป็นเรื่องของพฤติกรรมหรือการใช้ชีวิตประจำวัน ถือว่ามีผลทำให้เกิดความเสี่ยงมาก และสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะมีพฤติกรรมมากมาย ที่ทำให้เราก้าวขาเข้าสู่ความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่จะช่วยให้เราห่างไกลจากโรคร้ายนี้ได้มีดังนี้ คือ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงจากพื้นที่ที่มีอากาศหรือมลภาวะเป็นพิษ อย่างท่อไอเสียจากรถยนต์ หรือควันจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น
- อาหารการกินควรเลือกรับประทานอาหารให้หลากหลาย เน้นทาน ผักผลไม้ที่ให้วิตามิน C และ A สูง เช่น ส้ม, มะนาว, สตรอว์เบอร์รี่, ฝรั่ง, แครอท, มะละกอ, ทานอาหารที่ให้กากใยหรือไฟเบอร์มาก เช่น ข้าวโพด, เมล็ดธัญพืชต่างๆ ฯลฯ, ผักตระกูลกะหล่ำเช่น ดอกกะหล่ำ, กะหล่ำปลี, บร็อกโคลี, หรือผักคะน้า ฯลฯ, ควรจำกัดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและไขมัน, หลีกเลี่ยงอาหารปิ้ง ย่าง ทอด รมควัน เนื้อสัตว์แปรรูป หรือของหมักดอง รวมทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ไม่รับประทานอาหารจากน้ำมันทอดซ้ำ ไม่ดื่มสุราแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภทสุกๆ ดิบๆ อย่าง ก้อย ปลาจ่อม เป็นต้น
- พยายามหลีกเลี่ยงการตากแดด โดยเฉพาะในเวลาหลัง 09.00 น. เป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงที่มีรังสีอัลตราไวโอเลตจำนวนมากที่ทำลายเซลล์ผิวหนังของเรา และอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้
- ออกกำลังกายเป็นนิจ
- ทำจิตใจแจ่มใส
- ตรวจร่างกายเป็นประจำ
การดูแลตัวเองเป็นสิ่งจำเป็น การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงสร้างพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันที่ดี จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ ร้อยละ 40 อ่านถึงตรงนี้ เราจะเห็นว่าพฤติกรรมที่จะพาเราให้ห่างไกลจากโรคร้ายนี้ ไม่ได้ทำให้ชีวิตประจำวันเราอยู่ยากอะไร เพิ่มขึ้นเลย เริ่มดูแลตัวเองกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของเราตลอดไป
ข้อมูลจาก : Kaijeaw.com, เกร็ดความรู้.net
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cleaning, TIPS & TRICK
สาวมั่นกับการขจัดคราบ

สาวมั่นกับการขจัดคราบ
เซ็งไหม หากเราต้องเจอกับคราบเลอะๆ เทอะๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่
เพราะเสื้อตัวโปรดต้องมาเปื้อนคราบ ที่ไม่ควรเปื้อน…แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับสาวมั่นอย่างเรา วันนี้ ELVIRA ได้รวบรวมวิธีการขจัดคราบให้เสื้อตัวโปรด กลับมาสวยปิ๊งเหมือนไม่เคยโดนคราบมาก่อน พร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ
- รอยเปื้อนลิปสติก
ใช้วาสลินถูตรงรอยเปื้อน แล้วนำไปซักตามปกตินำผ้าที่เปื้อนไปแช่ในน้ำผสมเกลือทิ้งไว้ 1 คืน จะทำให้รอยลิปสติกหายไปจากนั้นซักได้ตามปกติ - เสื้อผ้าที่เลอะยาทาเล็บ
หากน้ำยาทาเล็บหก ให้รีบหยดน้ำยาล้างเล็บลงที่รอยเดิมเล็กน้อยและค่อยๆ เช็ดด้วยสำลีหรือผ้าที่สะอาด จนกระทั่งรอยเปื้อนจางลง (ควรลองหยดน้ำยาล้างเล็บลงผ้าก่อน) หากน้ำยาล้างเล็บบนผ้าเริ่มแห้งเทน้ำยาล้างเล็บบนผ้าที่ใช้ซับ ซับไปเรื่อยๆ จนรอยจางลง ก่อนจะนำไปซักกลับผ้าด้านในและแต้มด้วยน้ำยาล้างเล็บที่ด้านหลังของรอยเปื้อนบนผ้า ก่อนนำไปซักตามปกติ แต่วิธีนี้ห้ามใช้กับผ้าใยสังเคราะห์
ถ้าน้ำยาทาเล็บเปื้อนบนผ้าใยสังเคราะห์ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการใช้ Tar Ko ของ ELVIRA หยดบนรอยเปื้อน โดยทำผ้าให้เปียกแล้วขยี้ เบาๆ ตรงบริเวณรอยเปื้อน แล้วนำไปซักตามปกติ
** ผ้าสีเข้ม Tar Ko ต้องเทสเพื่อป้องกันการกัดสีผ้าไม่ให้ด่าง โดยการพลิกเอาด้านในของผ้าตรงบริเวณที่ตะเข็บ เลือกที่หนาๆ แล้วลองหยด Tar Ko ลงไปถ้าผ้าไม่ด่างแสดงว่าใช้กับผ้าชนิดนั้นได้
- รอยเปื้อนสนิม
นำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อนทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงนำไปซักตามปกติ หรือ
บีบมะนาว แล้วราดน้ำเกลือให้ชุ่มตรงรอยเปื้อน นำไปตากแดด จากนั้นค่อยนำซักตามปกติ หรือ
ใช้ Rust Ko ของ RIKA โดยทำให้ผ้าเปียกก่อน แล้วจึงนำ Rust Ko มาหยดบริเวณที่มีรอยเปื้อนประมาณ 2-3 หยด แล้วล้าง ด้วยน้ำเปล่า ถ้ายังไม่ออกให้ทำซ้ำ และขยี้เบาๆ แล้วจึงนำไปซักต่อตามปกติ - รอยเปื้อนเลือด
ที่สำคัญคือต้องรีบทำความสะอาดทันที อย่าทิ้งไว้ ใช้กระดาษซับเลือดออกให้มากที่สุด จากนั้นให้เปิดน้ำสะอาด ไหลผ่าน ให้คราบเลือดจางที่สุด
นำเสื้อไปแช่กับน้ำเย็นจัด เพื่อป้องกันโปรตีนในเลือดจับตัวฝั่งแน่น ใช้น้ำยาซักผ้าสูตรเข้มข้นป้ายลงไปบนคราบ เสร็จแล้วก็ลงมือขยี้ผ้าเบาๆ เพื่อจำกัดคราบ แล้วให้นำไปซักตามปกติ หรือ
ถ้าคราบเลือดที่แห้งกรัง ลองใช้ไฮโดรเจนเปออ็อกไซด์ เมื่อคราบจางหมดแล้ว ให้นำไปซักตามปกติ หรือ
หากเหลือรอยคราบเลือดจางๆ ใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้ำสักเล็กน้อย จนแป้งข้นๆ นำไปถูเบาๆ ตรงรอยเปื้อน เมื่อแห้งจึงปัดฝุ่นออกจากนั้นซักได้ตามปกติ หรือ
หากไม่ออก ให้ใช้ Rust Ko ของ RIKA โดยทำผ้าให้เปียกก่อนแล้วจึงหยด Rust Ko ลงไป 2-3 หยดและล้างด้วยน้ำสะอาด
*** ไม่ควรรีดเสื้อผ้าที่ยังมีคราบเลือดเหลืออยู่ หรือนำไปตากแดดโดนความร้อน เพราะคราบเลือดจะฝังแน่น อาจขจัดไม่ออกอีกเลย - เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดฝังแน่น
ขจัดคราบโดยใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำสักเล็กน้อย จนแป้งข้นๆ ถูเบาๆ เมื่อแห้งจึงปัดฝุ่นออกขจัดคราบโดยใช้จากนั้นซักได้ตามปกติ
ฟองน้ำจุ่มน้ำเย็น ที่ผสมเกลือจนชุ่ม ถูเบาๆ จนรอยค่อยๆ จางลง แล้วใช้น้ำเปล่าถูอีกครั้ง สุดท้ายใช้ทิชชูซับน้ำให้แห้งจากนั้นซักได้ตามปกติ หรือ
ใช้ Rust Ko ของ RIKA โดยทำให้ผ้าเปียกก่อน แล้วจึงนำ Rust Ko มาหยดบริเวณที่มีรอยเปื้อนประมาณ 2-3 หยด แล้วล้างด้วยน้ำเปล่า ถ้ายังไม่ออกให้ทำซ้ำ และขยี้เบาๆ แล้วจึงนำไปซักต่อตามปกติ
หวังว่าวิธีขจัดคราบเหล่านี้จะช่วยให้สาวๆ มีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบดี๊ดี ได้อีกมากโขกันเลยทีเดียว สาวๆ คนไหนมีปัญหาการขจัดคราบอื่นๆ สามารถเขียนคำถามมาได้ที่ [email protected] นะคะ >.<
ข้อมูลจาก : Sanook home, sitesample, LIEKR, Cleanipedia
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cleaning, TIPS & TRICK
เคล็ดไม่ลับ การทำความสะอาดบ้าน

เคล็ดไม่ลับ การทำความสะอาดบ้าน
วันนี้เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ในการทำความสะอาดบ้านหรือจะให้ง่ายกว่านั้นก็ทำบ้านให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องมาปวดหัวกับการทำความสะอาดบ่อยๆ อีกต่อไปแล้ว ใครอยากรู้บ้างว่าทำอย่างไร ตามมาดูกันได้เลย
1. จัดวางข้าวของให้เป็นระเบียบ
หากเราทำนิสัยให้เป็นคนจัดของให้เป็นระเบียบได้เราจะไม่ต้องเหนื่อยทำความสะอาดเลย เพราะการจัดของเข้าที่นั้นจะช่วยให้มีพื้นที่ใช้งานที่มากขึ้น จะหาของอะไรก็หาได้ง่าย ดูเรียบร้อยไม่รกตาและยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย โดยเริ่มจาก
- จัดทุกอย่างลงกล่อง
การทำความสะอาดที่ง่ายที่สุดคือจัดของที่ไม่จำเป็นลงกล่องแล้วปิดให้เรียบร้อย ประหยัดเวลาในการเก็บและหาของที่ต้องการได้ง่ายอีกด้วย - เก็บของไว้ใต้เตียง
อยากจะบอกว่าพื้นที่ใต้เตียงนี่กว้างมากกว่าที่คุณคิดอีก ของที่ไม่ใช้แล้วหรือนานๆ ใช้ทีเอาใส่กล่องแล้วยัดไว้ใต้เตียงนี่แหละง่ายที่สุด แต่ควรทำความสะอาดใต้เตียงให้เรียบร้อยไร้ฝุ่นก่อนนะ - ใต้บันไดอย่าให้ว่าง
ใครว่าใต้บันไดเป็นพื้นที่สำหรับห้องน้ำเท่านั้น? เก็บของใต้บันไดอย่างมีดีไซน์แบบนี้ดูสิ เป็นตู้ลิ้นชักเลื่อนที่สามารถเก็บของใช้ต่างๆ เสื้อผ้าและรองเท้าได้อย่างเป็นระเบียบ รองเท้าเริ่มเยอะเมื่อไรก็จับมาใส่ตู้ใต้บันไดได้หมดเลย
2. ทำความสะอาดจากชั้นบนสุดของบ้านก่อนการทำความสะอาดบ้านควรเริ่มจากชั้นบนสุดของบ้านก่อน โดยเริ่มจากปัดฝุ่นเพดาน ก่อนที่จะทำความสะอาดพื้น เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกจากเพดานตกลงบนพื้น ทำลงมาเรื่อยๆ ทีละชั้น เพราะถ้าทำชั้นล่างก่อน ฝุ่นผงต่างๆ อาจจะปลิวเลอะลงมาได้ในขณะที่ทำชั้นบน และทำให้คุณไม่ต้องมาทำความสะอาดซ้ำสอง
3. ปัดหรือเช็ดฝุ่นที่ตู้ และโต๊ะก่อนเพื่อให้ฝุ่นหรือเศษผงต่างๆ ปลิวลงมาที่พื้น แล้วค่อยกวาดเก็บเศษผงทีเดียว
4. ควรทำความสะอาดเป็นห้องๆเช่น ทำความสะอาดห้องนอนให้เสร็จทั้งหมดก่อน ค่อยไปทำความสะอาดห้องอื่นๆ อย่างห้องน้ำ และห้องครัว เพื่อความสะดวกต่อการใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดและจะได้ไม่วุ่นวายด้วย
- การทำความสะอาดห้องน้ำ
เป็นห้องที่สำคัญอีกห้องหนึ่งของบ้าน ควรเป็นห้องที่สะอาดที่สุดเพราะเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคเลยทีเดียว การทำความสะอาดห้องน้ำมักจะเป็นงานยาก เหนื่อยและใช้เวลามาก ดังนั้นเวลาอาบน้ำก็ขัดๆ ถูๆ พื้นห้องน้ำไปด้วย จะได้ไม่เปลืองแรงขัดหนักๆ อีกต่อไป - การทำความสะอาดห้องครัว
ก็เป็นอีกห้องที่ควรทำความสะอาดอย่างละเอียด เพราะห้องครัวเป็นห้องที่ใช้ประกอบอาหาร ทำให้มีทั้งเศษอาหารและกลิ่นสะสมอยู่ในห้องนี้ควรเริ่มทำความสะอาดจากของใหญ่ๆ อย่างเตาแก๊ส โดยเช็ดคราบน้ำมัน และซอสต่างๆ ที่ติดฝังอยู่ ถัดมาควรทำความสะอาดตู้เย็น โดยการนำของออกมาให้หมดก่อน แล้วจึงทำความสะอาดแต่ละชั้น หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จแล้ว เลือกอาหาร ที่ยังไม่เน่าเสีย หรือ ยังไม่หมดอายุ จัดเก็บเข้าไปอย่างเป็นระเบียบ - ห้องนอน
ถือว่าเป็นห้องที่เราใช้เวลาอยู่ มากกว่าห้องอื่นๆ ในบ้านเลยก็ว่าได้ การทำความสะอาดก็ไม่ต่างกับห้องอื่นๆ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ ไม้ขนไก่ปัดฝุ่น เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นฟุ้งในอากาศ ควรเลือกวิธีการทำความสะอาดโดยใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดจะดีกว่า โดยเฉพาะผ้าปูที่นอนอย่าลืมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพราะที่นอนเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น ซึ่งจะทำให้คนที่นอนเกิดอาการไม่สบายได้
5. ถ้าที่บ้านมีมุ้งลวดควรถอดออกมาล้างให้สะอาดแล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท ก่อนนำมาติดตั้งใหม่ แต่ถ้ามุ้งลวด มีขนาดใหญ่ การที่จะถอดออกมาล้างไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ใช้ C2 เครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำ ของ ELVIRA ที่สามารถ ใช้ทำความสะอาดมุ้งลวดได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องถอดมุ้งลวดออก (ข้อมูลเพิ่มเติมหน้า website ELVIRA)
6. ทำความสะอาดผ้าม่านผ้าม่านเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างสีสันบรรยากาศให้กับบ้าน แต่ก็เป็นตัวร้ายเช่นกัน เพราะฝุ่นชอบไปเกาะสะสมกันที่ผ้าม่าน วิธีการทำความสะอาดคือ
- การใช้ไม้ขนไก่ปัดที่ผ้าม่านทุกวันจะช่วยให้เราไม่ต้องทำความสะอาดมากนัก หรือ
- หากผ้าม่าน อมฝุ่นแล้ว และไม่ได้ซักเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ก็คงต้องถอดผ้าม่านไปซักทำความสะอาด หรือ
- ใช้เครื่องดูดฝุ่น กรณีที่ถอดซักไม่ได้ หรือ อีกทางเลือกหนึ่งคือ
- ใช้ C2 เครื่องทำความสะอาดระบบไอน้ำ ของ ELVIRA ที่สามารถ ใช้ทำความสะอาดผ้าม่านที่ถอดซักไม่ได้ ไม่ว่าผ้าม่านนั้นจะผืนใหญ่ และถูกติดตั้งสูงขนาดไหนก็ตาม (ข้อมูลเพิ่มเติมหน้า website ELVIRA)เพราะผ้าม่านเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นที่มีอยู่มากมายโดยที่เรามองไม่เห็น ข้อนี้อย่ามองข้ามไปนะจ้ะ JJ
7. นำพรมเช็ดเท้าไปทำความสะอาดโดยการดูดฝุ่น แล้วตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค
8. หลอดไฟ และโคมไฟเป็นอีกจุดที่หลายๆ คนมักลืมที่จะทำความสะอาด เพราะดูเผินๆ อาจไม่ได้รู้สึกว่า หลอดไฟนั้นสกปรก แต่จริงๆแล้วฝุ่นก็มักจะติดอยู่ตามหลอดไฟเช่นเดียวกันกับเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ขั้นตอนการทำความสะอาดคือ ปิดไฟถอดปลั๊ก ก่อนที่จะไขเอาหลอดไฟมาทำความสะอาด เพื่อป้องกันการโดนไฟดูด หลังจากนั้นหาผ้ามาเช็ดทำความสะอาด อย่าให้หลอดไฟเปียก เพราะถ้าหลอดไฟเปียกอาจทำให้ไฟช็อตได้
9. อุปกรณ์ในการทำความสะอาด
นอกจากจะทำความสะอาดบ้านแล้ว ก็ไม่ควรลืมที่จะทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาด เพื่อชำระล้างเชื้อโรคที่สะสมอยู่ ทำให้ไม่เกิดการสะสมของเชื้อโรคในครั้งต่อๆ ไป
วิธีง่ายๆ เหล่านี้เป็นเคล็ดที่ไม่ลับสามารถทำกันได้อย่างไม่ยุ่งยาก สำหรับทุกบ้านที่เอาไว้ใช้เป็นแนวทางในการทำให้บ้านสะอาดได้ ลองทำดูแล้วรับรองคุณจะต้องชอบแน่นอน
ข้อมูลจาก
Website : Sanook Home
Website : Cleanipedia.com
Website : suscleaningservices.com
Cooking, TIPS & TRICK
ทำบุญตักบาตรอย่างไรให้ได้บุญ

ทำบุญใส่บาตร อย่างไรให้ได้บุญ
เข้าพรรษาแล้ว เห็นชาวพุทธเข้าวัดทำบุญใส่บาตรกันอย่างคึกคัก ก็รู้สึกปลื้มจิต ปลื้มใจกันไม่น้อยทีเดียว วันนี้ ELVIRA ได้รวบรวมข้อมูลที่ถือว่าเป็นประโยชน์และได้บุ๊น ได้บุญมาให้แฟนๆ สายบุญได้อ่านกันจ้า
ปัจจุบัน มากกว่า 50% ของพระในกรุงเทพฯ และเขตเมืองมีความเสี่ยงต่อโรคอ้วน สูงกว่าชายในกรุงเทพ (39%) และชายทั่วประเทศ (28%) ปัจจัยที่ทำให้พระสงฆ์มีปัญญาด้านสุขภาพมากขึ้นก็เพราะอาหารที่บรรดาญาติโยมทั้งหลายนำมาใส่บาตร ทั้งของคาวของหวานรสอร่อยแต่กลับพ่วงโรคร้าย ไม่ว่าจะเป็น โรคความดันโลหิตสูง, เบาหวาน, ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ และหลอดเลือด ฯลฯ ดังนั้นเราควรพิถีพิถันตั้งแต่การปรุงอาหาร
วิธีการปรุงควรปรุงแบบ นึ่ง ยำ ย่าง เผา อ่อม หมก แทนการผัด และทอด ควรลดหวาน มัน เค็ม และกะทิ น้ำปานะ ควรลดความหวาน เน้นเพิ่มโปรตีน เช่น นมถั่วเหลือง นมจืดชนิดไขมันต่ำ โยเกิร์ตแบบหวานน้อย
ประเภทอาหารที่จะถวาย ควรเลือกโดยเฉพาะกลุ่มเหล่านี้
- กลุ่มโปรตีนโดยเฉพาะเมนูปลา (ให้โปรตีนและไขมันดี)
- กลุ่มธัญพืช ข้าวประเภทต่างๆ เช่น ข้าวกล้อง, ข้าวซ้อมมือ ฯลฯ โฮลวีท งาดำ ลูกเดือย เห็ด และพืชตระกูลถั่ว เพราะให้เส้นใยอาหารครบ 5 หมู่, วิตามินบีและอี ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, ลดความดันโลหิต, ป้องกันมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ฯลฯ
- กลุ่มแร่ธาตุ อาทิ ตำลึง คะน้า ใบขึ้นฉ่าย กุยช่าย นมสด ไข่ เนื้อสัตว์ เครื่องใน ฯลฯ ซึ่งช่วยป้องกันโรคมะเร็ง, โรคหัวใจ, ไขมันอุดตันในเส้นเลือด, ลดคอเลสเตอรอล และมีธาตุเหล็ก ป้องกันโรคโลหิตจาง
- กลุ่มผักผลไม้ ควรเลือกซื้อเป็นผักพื้นบ้านและผักตามฤดูกาล เพราะจะได้ผักที่สด และราคาถูก เพราะผักและผลไม้แต่ละชนิดมีคุณประโยชน์ต่างกันไป อาทิ กระเทียม ช่วยลดคอเลสเตอรอล และความดัน, ขิงข่า ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ทำบุญตักบาตรครั้งต่อไป ก็อย่าลืมเพิ่มความใส่ใจสุขภาพของพระสงฆ์กันให้ด้วยนะค่ะ คนใส่บาตรก็ได้อิ่มใจ พระท่านก็ได้สุขภาพที่ดี
ข้อมูลจาก : นพ.ประดับ สุขุม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ, Club Sanook.com, www.thaihealth.or.th
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cleaning, TIPS & TRICK
เปลี่ยนผมพัง ให้เป็นผมปัง

เปลี่ยนผมพัง ให้เป็นผมปัง
เปลี่ยนผมพัง ให้เป็นผมปัง ด้วยสูตร ง๊าย…ง่าย จาก ข.ไข่ ในครัวของเรานี่เองงงงง
โพสต์ นี้เอาใจสาวๆ ที่มีปัญหาเรื่องผมเสีย ผมมัน แห้งแตกปลาย ให้กลับมาสวยปัง อีกครั้ง ด้วยสูตรบำรุงผมจาก ไข่ไก่ งานนี้สาว ๆ คนไหนที่มีปัญหาผมเสียแบบแก้ไม่ตก ลองหันมาหมักผมด้วยไข่ไก่กันดูสิคะ รับรองว่าสามารถแก้ไขสารพัดปัญหาผมเสียได้จริง ๆ นะ
“ไข่ไก่” นั้นอุดมไปด้วยวิตามินเอ, บี, อี รวมถึงสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเส้นผมอย่าง เลซิติน ไบโอติน และกรดไขมัน อึ้งละซี่…เห็นไข่ไก่ใบเล็ก ๆ แบบนี้แต่ประโยชน์เพียบเลยนะคะ แถมยังสามารถจัดการกับปัญหาผมเสียได้อยู่หมัดเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ ELVIRA จึงมีสารพัดสูตรหมักผมด้วยไข่มาฝาก ให้ลองเอาไปทำกัน ว่าแล้วก็มาบำรุงผมเสียให้กลับมามีสุขภาพดีกันเลยจ้า
- สูตรไข่ และโยเกิร์ต สำหรับหมักผมแตกปลาย
ผสมไข่ 1 ฟอง (ใช้ทั้งไข่แดง และ ไข่ขาว)+ โยเกิร์ต รสธรรมชาติ 1 ถ้วย
แล้วหมักผมก่อนสระผม เป็นเวลา 30 นาที ทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
ผมของเรา จะมีสุขภาพดี และ หายจากอาการแตกปลายค่ะ - สูตรไข่แดง และเบียร์ สำหรับผมนุ่มลื่น
ตีไข่ไก่ เลือกเอาแต่ไข่แดง คนให้ไข่แตกตัว นำมาผสมกับ เบียร์ 1 ถ้วยตวง
(ทิ้งไว้จนไม่มีฟองแล้วค่อยนำมาผสม) เสร็จแล้วนำมาชโลมบริเวณเส้นผม ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยให้เส้นผมของคุณหวีง่ายและนุ่มลื่นมากขึ้น - สูตรไข่ไก่, โยเกิร์ต, น้ำผึ้ง สำหรับ บำรุงผมนิ่ม มีน้ำหนัก
ตีไข่แดงและไข่ขาวให้เป็นเนื้อเดียวกัน ผสมกับโยเกิร์ต และน้ำผึ้ง คนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นนำไปหมักผม นวดเบา ๆ และใส่หมวกคลุมผมทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที สุดท้ายล้างออกให้สะอาด สูตรนี้จะช่วยให้ผมของคุณมีน้ำหนัก นิ่ม เงางาม และหนานุ่มขึ้น - สูตร ไข่ไก่ มะนาว สำหรับแก้ปัญหา ผมมัน
ใช้มะนาว 1 ลูก ไข่ไก่ 2 ฟอง (แยกเอาแต่ไข่ขาว)
คั้นน้ำมะนาวผสมกับไข่ขาว คนให้เข้ากัน จากนั้นนำมาชโลมให้ทั่วเส้นผมและหนังศีรษะ นวดเบา ๆ เสร็จแล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วค่อยสระผมให้สะอาด สูตรนี้ควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยลดปัญหาความมันของเส้นผมและหนังศีรษะให้น้อยลงได้ - สูตรหมักด้วยไข่แดง
ใช้ไข่แดง อย่างเดียว หมักผมด้วยไข่แดง ก่อนสระผมเป็นเวลา 30 นาที ล้างออกด้วยแชมพู เท่านี้ ผมของสาวๆ ก็จะนุ่มลื่น และ สลวยขึ้นทันตาเล้ย
ใครทำสูตรไหน ถูกใจก็มาเล่าสู่กันฟังได้นะจ๊ะ
ข้อมูลจาก : Page : sistacafe
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Cleaning, TIPS & TRICK
จัดการคราบหนักๆ ของเสื้อผ้าลูกรัก วัยซน

จัดการคราบหนักๆ ของเสื้อผ้าลูกรัก วัยซน
ใครที่กำลังหนักใจกับคราบสกปรก ที่อยู่บนเสื้อผ้า ของลูกน้อยวัยซน วันนี้ ELVIRA จะมาคลายความหนักใจของเราให้ หมดไป ด้วยวิธีการขจัดรอยเปื้อนต่างๆ ที่เราอาจต้องเจอ แม้เราอาจจะไม่อยากเจอ ในแต่ละวันกันค่ะ มาเริ่มกันเลย…
1. รอยเปื้อนช็อกโกแลต
รีบนำผ้าที่เปื้อนไปแช่น้ำอุ่นทันทีที่เปื้อน อาจใช้น้ำยาขจัดคราบช่วยด้วย จากนั้นนำไปซักตามปกติ หรือ
อีกวิธีนึงคือ
- 1. ขจัดคราบสกปรกออกจากผ้าให้ได้มากที่สุด โดยขัดอย่างเบามือหากคุณไม่ต้องการให้คราบช็อคโกแลตเลอะมากขึ้นกว่าเดิม
- 2. ฉีดน้ำเย็นหรือน้ำโซดา ลงบริเวณด้านหลังของผ้าที่มีรอยเปื้อน โดยกลับด้านในของผ้าออกเพื่อล้างด้วยน้ำเย็นหรือน้ำโซดาให้ชุ่ม การทำเช่นนี้จะช่วยให้ช็อคโกแลตอ่อนตัวและหลุดออกจากใยผ้า
- 3. ป้ายน้ำยาซักผ้าที่มีคุณสมบัติในการขจัดคราบสกปรกลงบนคราบเปื้อน โดยทาให้ทั่วบริเวณที่เลอะคราบ (แต่ควรป้ายน้ำยาอย่างเบามือ)
- 4. แช่ผ้าในน้ำเย็นประมาณ 15 นาที และถูผ้าเบาๆ ทุกๆ 3-5 นาที โดยประมาณ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคราบจะหายไป คุณอาจต้องป้ายน้ำยาซักผ้าเพิ่มหากคราบติดแน่นมาก
- 5. ถ้าคราบยังเหลืออยู่ คุณควรเปลี่ยนมาใช้น้ำยาขจัดคราบแทน
2. รอยเปื้อนหมากฝรั่ง
ขูดยางหมากฝรั่งออกด้วยสันมีดเบา แล้วใช้น้ำแข็งถูเพื่อให้ยางนั้นแข็งตัว แล้วค่อยๆ แกะออก จากนั้นใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดแล้วจึง นำไปซักในน้ำสบู่อ่อน หรือ
ใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบบริเวณรอยเปื้อนดังกล่าวทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที หมากฝรั่งจะเริ่มจับตัวเป็นก้อนแข็ง แล้วค่อยๆ แกะออกแล้วจึงนำไปซักตามปกติ
3. เสื้อผ้าที่เลอะโคลน
ขจัดคราบโดยปล่อยให้โคลนแห้ง ใช้แปรงปัดออก ซักด้วยน้ำเย็นหลายๆ ครั้ง จนไม่มีน้ำโคลนออกมา จึงซักด้วยผงซักฟอกตามปกติ
4. คราบไอศกรีม
เสื้อผ้าที่เพิ่งเลอะไอศกรีม ควรรีบนำไปล้างด้วยน้ำเปล่า เปิดน้ำไหลผ่าน ขยี้เบาๆ ให้คราบออกให้มากที่สุด หากยังมีคราบเหลืออยู่ ให้ แช่และขยี้ในน้ำอุ่นที่ผสมน้ำยาซักผ้า ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
* หากคราบไอศกรีมยังคงหลงเหลืออยู่ ให้ป้ายน้ำยาซักผ้าลงไปบนคราบให้ทั่ว จากนั้นนำผ้าไปแช่น้ำอุณหภูมิปกตินาน 30 นาที ในขณะที่แช่ผ้าอยู่ควรใช้นิ้วมือขยี้คราบเบาๆ ทุก 3-5 นาทีด้วยนะคะ จากนั้นค่อยนำผ้ามาล้างน้ำสะอาด แต่หากยังมีคราบเปื้อนเหลืออยู่ให้ย้อนไปขจัดคราบตั้งแต่ข้อแรกจนกว่าคราบเปื้อนจะหายไป
5. คราบสปาเกตตี้
เมื่อรู้ว่ามีซอสสปาเกตตี้ติดอยู่บนเสื้อผ้า ให้รีบนำช้อนหรือมีดปาดเนยมาขูดให้ออกเท่าที่จะทำได้ก่อน อย่าทิ้งไว้นานเพราะจะขจัดยากยิ่งขึ้น
- 1. เทน้ำเย็นผ่านด้านหลังของบริเวณที่เปื้อน เพราะถ้าเทผ่านในบริเวณที่เปื้อนโดยตรงจะทำให้รอยเปื้อนขยายออก ให้ระวังจุดนี้ด้วยค่ะ ขยี้เบาๆ พยายามล้างด้วยน้ำให้ออกให้มากที่สุด
- 2. จากนั้นนำไปล้างด้วยน้ำยาซักผ้า ขยี้ด้วยความระมัดระวังเริ่มจากบริเวณโดยรอบก่อน จากนั้นค่อยขยี้บริเวณที่เปื้อนอย่างระมัดระวังอีกที
- 3. ถ้าเป็นเสื้อขาว ควรเลือกใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ น้ำส้มสายชูกลั่นขาว หรือน้ำมะนาวแทนเพราะจะเป็นการถนอมเนื้อผ้า จากนั้นขยี้ให้ทั่วบริเวณที่มีคราบ
- 4. ให้ใช้น้ำยาซักผ้าล้างอีกทีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคราบหลงเหลือ จากนั้นตามด้วยน้ำยาขจัดคราบ แช่ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที
- 5. ถ้ายังมีคราบหลงเหลือนั้นให้ใช้น้ำยาซักผ้าอีกที และแช่ทิ้งไว้ในน้ำอุ่นประมาณ 30 นาที ล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วนำไปตากให้แห้ง
Tip : ในกรณีที่เป็นคราบมันซึ่งกำจัดออกได้ยากนั้น ควรใช้น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาขจัดคราบไขมันแทนการใช้น้ำยาซักผ้า โดยขยี้บริเวณที่มีคราบมันให้ทั่วเพื่อที่จะขจัดส่วนที่มันออกไป แล้วนำไปซักตามปกติ
6. คราบดินน้ำมัน
ในขณะที่ผ้าแห้ง ให้ใช้น้ำมันซักแห้งถูเบาๆ บริเวณที่เปื้อนดินน้ำมัน เพราะในน้ำมันซักแห้งนั้นมีสารทำละลาย ซึ่งจะเข้าไปแทรกและดันตรงรอยเปื้อนดินน้ำมัน จึงทำให้ดินน้ำมันหลุดออกได้ง่ายขึ้น 🙂
7. คราบสีเมจิก
สำหรับการขจัดคราบปากกาออกจากพื้นผิวที่เป็นผ้า มีตัวเลือกอยู่หลายอย่างทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์เช็ดแผล เจลล้างมือ สเปรย์จัดแต่งทรงผมแบบที่เป็นกระป๋องอัดความดัน น้ำยาล้างเล็บ WD-40 (น้ำมันอเนกประสงค์ ใช้หล่อลื่น ไล่ความชื้น และกันสนิมได้) น้ำส้มสายชูกลั่น ครีมออฟทาร์ทาร์ผสมน้ำมะนาว หรือแม้กระทั่งยาสีฟันธรรมดา (แบบธรรมดาที่เป็นเนื้อครีม ไม่ใช่เนื้อเจล) เลือกใช้อย่างได อย่างหนึ่งที่กล่าวมา โดยทำตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
- 1. ใช้ผ้าขนหนูเก่าๆ หรือกระดาษชำระเอนกประสงค์ (กระดาษทิชชู่ม้วนใหญ่ๆ เนื้อหนาๆ) วางรองไว้ใต้ผ้าบริเวณที่เปื้อนคราบ เพื่อป้องกันคราบซึมเปื้อนไปยังจุดอื่น
- 2. ใช้ผ้าขนหนูชุบผลิตภัณฑ์ช่วยทำความสะอาดข้างต้นที่เลือกใช้ แต้มบริเวณที่เปื้อนคราบแทนการถู เพราะบางทีการถูอาจทำให้มันยิ่งเลอะเข้าไปใหญ่
- 3. หลังจากนั้น นำไปซักตามปกติ หากเป็นเนื้อผ้าแบบที่ต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษ เช่น ผ้าไหม หรือผ้าซาติน ให้นำไปที่ร้านซักแห้ง อย่าลืมแจ้งเรื่องคราบและตำแหน่งของคราบกับทางร้านด้วย
มาถึงตรงนี้ คราบหนักๆ ของลูกรักวัยซน ก็ไม่ได้เป็นที่หนักใจของคุณแม่ๆ อีกต่อไป คราบไหนๆ ก็ปิดกั้นจินตนาการของลูกรักไว้ไม่ได้ คราวหน้า มารอดูกันว่า ELVIRA จะพาไปขจัดคราบหนักๆ แบบไหนกันอีก ติดตามกันต่อไป นะคะ *.*
ข้อมูลจาก : เพจโกเฟซ, เพจ kapook.com, havinghome.com
Website : Sanook home, sitesample, LIEKR , Cleanipedia
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Laundry, TIPS & TRICK
การดูแลบ้านในหน้าฝน

การดูแลบ้านในหน้าฝน
“บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้ เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น สุขที่เคยเดินทางตามหามานานไม่ได้ไกลที่ไหน อยู่แค่นี้เอง” เข้าเนื้อเพลงกันขนาดนี้ ก็ พูดถึงสิ่งที่อยากให้แฟนเพจ ELVIRA ได้อ่าน กันเลยละกันเนาะ
ในหน้าฝนที่สภาพอากาศ แปรปรวน สิ่งหนึ่งที่ต้องเจอเป็นประจำสำหรับบ้านแสนรักของเราก็คือน้ำขัง น้ำรั่วซึม
เพื่อป้องกันปัญหาของบ้านที่อาจจะเกิดขึ้น แบบนี้เรามาเรียนรู้ เทคนิคดูแลบ้านแบบง่ายๆ ที่คุณก็ทำเองได้กันค่ะ เริ่มจาก
ตรวจสอบรอยรั่วให้ทั่วบริเวณบ้าน และความสมบูรณ์ของหลังคา ฝ้า ผนัง ซึ่งเป็น 3 จุดสำคัญที่มักจะเป็นปัญหาอยู่ทุกๆ ปี นั่นคือ รอยแตกร้าว รูรั่วตามรอยต่อวัสดุ โดยให้หมั่นสังเกตบริเวณผนังบ้าน รอยต่อ พื้นบ้าน หลังคา ฝ้าเพดาน และบริเวณซอกมุมต่างๆ ไม่ว่าจะมุมประตูหรือมุมของหน้าต่าง เมื่อพบรอยรั่วก็ให้ซ่อมแซมให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ความชื้นและหยดน้ำเข้ามาในตัวบ้านได้ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้จนสร้างความเสียแก่ทรัพย์สินภายในบ้าน เพื่อป้องกันปัญหารุกรามจากเพียงรอยแตกร้าวเล็กๆ ที่ถูกละเลย
ตรวจสอบซิลิโคนตามรอยต่อขอบประตู หน้าต่าง เมื่อเวลาผ่านไป ซิลิโคนที่เชื่อมรอยต่อระหว่างผนังปูน และประตูหน้าต่างอาจหมดอายุเสื่อมสภาพ แห้งกรอบ เกิดรอยให้น้ำซึมเข้า หรือการเชื่อมต่อของซิลิโคนไม่ต่อเนื่อง หมั่นตรวจสอบบริเวณนี้ และให้ช่างใส่ซิลิโคนใหม่ เพื่อป้องกันการไหลซึมของน้ำเมื่อเวลาฝนตกหนัก
ทำความสะอาดรางน้ำ – ท่อระบายน้ำ
อย่าปล่อยให้มีเศษใบไม้ กิ่งไม้ เศษขยะเอาไปอุดตันปิดกั้นทางไหลของน้ำฝน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จนเกิดการอุดตันจะทำให้น้ำในทางระบายเอ่อล้น เปียกชื้นโครงสร้างส่วนนอก หรือไหลย้อนเข้าไปรั่วซึมใต้ฝ้า และเข้าภายในบ้านของเราได้
ขัดล้างพื้นหลังฝนตก
หลังฝนตกไม่นานเรามักจะพบคราบน้ำเจิ่งนอง คราบตะไคร่สีเขียวเกาะติดอยู่บนพื้นภายนอก เป็นคราบสกปรกที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้ง่าย จึงควรหมั่นขัดล้างทำความสะอาดหลังฝนตก ไม่ปล่อยทิ้งไว้เป็นคราบสะสมจนขจัดออกยาก
ตัดแต่งกิ่งไม้ใหญ่รอบๆ บ้านให้สั้นลง
เมื่อเกิดพายุฝนตกหนัก กระแสลมกรรโชกแรงอาจจจะทำให้กิ่งไม้ใหญ่หักโค่น หล่นลงมาทับตัวบ้านสร้างความเสียหาย โดยเฉพาะกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ติดหลังคาบ้าน ที่ต้องระวังกิ่งหักลงมาทับกระเบื้องหลังคาเสียหายและสัตว์เลื้อยคลานใช้กิ่งไม้เป็นทางผ่านเลื้อยเข้าไปในบ้าน
ทำไม้ค้ำยันให้ต้นไม้ บ้านที่เพิ่งปลูกต้นไม้ใหญ่ หรือต้นไม้นั้นซื้อมาตอนที่ต้นสูงใหญ่แล้ว ควรทำไม้ค้ำยันยึดต้นไม้ไว้ เพื่อให้ลำต้นตั้งตรง ไม่เอนเอียงหรือโค่นล้มเมื่อมีลมพัดมาแรงๆ และช่วยทำให้รากต้นไม้สามารถแผ่ขยายได้อย่างรวดเร็วด้วย
เคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์สนามเข้าที่ร่ม
วัสดุที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์คงไม่สามารถต้านทานลมฝนที่โหมกระหน่ำในฤดูนี้ได้ ควรโยกย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่กลางแจ้งเข้าสู่พื้นที่ร่มใต้ชายคาชั่วคราว หรือหาผ้าใบพลาสติกมาคลุมไว้ก่อน เพื่อยืดอายุการใช้งาน ป้องกันการสึกกร่อนเสื่อมโทรมก่อนเวลาอันควร
ชายคาและกันสาดช่วยบ้านคุณได้
น้ำฝนมักจะไหลย้อนเข้ามาทางรอยต่อประตู หน้าต่างบริเวณผนัง ทำให้เกิดรอยคราบหยดน้ำ เชื้อรา ตะไคร่ จึงควรติดตั้งชายคาหรือกันสาดเพื่อป้องกันฝนสาดเข้าตัวบ้าน และยังช่วยยืดอายุการใช้งานวัสดุหน้าต่าง-บานประตูไม่ให้ผุพังเร็วอีกด้วย นอกจากจะกันฝนได้แล้ว ยังช่วยป้องกันแสงแดดไม่ให้กระทบตัวบ้านได้ด้วย
การคว่ำภาชนะที่ขังน้ำฝน สิ่งสุดท้ายที่เราควรที่จะตรวจสอบรอบๆ บ้านนั้นคือภาชนะที่เราไม่ได้ใช้แต่มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดน้ำขังได้ เช่น กระถางต้นไม้ที่ไม่ใช้งาน ถาดรองกระถางต้นไม้ ถังน้ำที่มีฝนตกลงมาขัง แหล่งน้ำเหล่านี้จะเป็นแหล่งการเพาะพันธุ์ของยุงลายได้ ดังนั้นในช่วงฤดูฝนเราควรที่จะคว่ำภาชนะเหล่านั้นให้หมดหรือเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันการเพาะพันธุ์ของยุงลายที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไข้เลือดออกได้
แม้จะเป็นการดูแลเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ช่วยให้บ้านของคุณไม่ต้องเปียกชื้น ผุพังเสียหาย ที่ทำให้คุณต้องมาเสียเวลาในการซ่อมแซม เสียเงินทองมากมาย นำไปใช้กันดูนะค่ะ ฝนตกจะได้สบายใจนั่งฟังเสียงลมฝนไปเพลินๆ ได้อย่างมีความสุข
ข้อมูล จาก
Website:Dsignsomething ,
Website:ศาลาปัญญา ,
Website:dotproperty moving asia online
Website:tmtland
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai
Laundry, TIPS & TRICK
8 วิธีเลือกผงซักฟอกให้เหมาะกับการซักผ้า

8 วิธีเลือกผงซักฟอกให้เหมาะกับการซักผ้า
1.เลือกผงซักฟอก ให้เหมาะกับเส้นใยของผ้า
โดยสังเกตจาก ข้อมูลต่างๆ ที่ระบุไว้บนซองของผงซักฟอก เช่น
ถ้าซักผ้าขาว บนซองของผงซักฟอกก็จะระบุเลยว่า “สำหรับซักผ้าขาว”
ถ้าต้องการซักผ้าสี โดยเน้นให้สีผ้าคงความสดใสเหมือนใหม่ บนซองของผงซักฟอก ก็จะมีข้อความระบุว่า “สำหรับซักผ้าสี”
2.วิธีการซัก ควรเลือกผงซักฟอกให้เหมาะสมกับวิธีการซักของเราว่า ใช้สำหรับซักมือ หรือซักเครื่อง
โดยสังเกตบนซองว่า เป็นรูปมือซัก หรือมีข้อความว่าเป็นน้ำยาซักที่ใช้ซักด้วยมือ โดยปกติจะมีฟองมากกว่าผงซักฟองที่ใช้ซักกับเครื่องซักผ้า ถ้านำไปซักเครื่อง ฟองที่มากเกินปกติ อาจทำให้เครื่องมีปัญหาได้ ฟองอาจล้นออกมานอกเครื่อง จะทำให้ประสิทธิภาพการซักลดลง
เลือกผงซักผ้าผิด ชีวิตมือสวยๆ ของเราเปลี่ยนนะจ๊ะ
3.หากซักเครื่อง ควรดูด้วยว่า เครื่องซักผ้าที่เราใช้ เป็นชนิดแบบฝาบน หรือฝาหน้า
รูปเครื่องซักผ้าฝาหน้า เหมาะสำหรับใช้ซักกับเครื่องซักผ้า ชนิดฝาหน้าเท่านั้น ควรเลือกแบบที่ มีฟองน้อย
รูปมือซัก+รูปเครื่องซักผ้า อันนี้เหมาะกับซักมือและเครื่องซักผ้าฝาบน ซึ่งเค้าได้ออกแบบมาให้ใช้ได้ทั้ง 2 แบบ
4.ไม่ควรมีสารเพิ่มเติมอื่นๆ เช่นสารเพิ่มน้ำหนักได้แก่ แป้ง, ซังข้าวโพดบด, ปูนขาว จะทำให้ได้น้ำหนักดี จึงจะทำให้มีราคาถูก และดูมีปริมาณมาก แต่คุณภาพ ไม่มากตามปริมาณนะจ๊ะ
5.ไม่มีส่วนผสมของ เม็ดสีต่างๆ เช่น สีฟ้า, ส้ม, เขียว เพราะจะละลายน้ำช้ามาก เมื่อสัมผัสกับเสื้อผ้าที่มีสีอ่อนๆ จะทำให้ผ้าด่างได้ หากเราละลายผงซักฟอกไม่หมด ตัวเม็ดสีนี้จะทำให้ผ้ามีรอยคราบเม็ดสีนั้นๆ
6.ควรเลือกผงซักฟอกที่มีสีอ่อนๆ เช่น ขาวล้วน
7.Liquid detergent ถือว่าเป็นผงซักฟอก ในรูปแบบสารละลายชนิดเข้มข้น เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความสะดวกในการใช้งาน ข้อดีของผงซักฟอกแบบนี้คือ ละลายในน้ำได้ง่าย เมื่อนำไปซักผ้า สารละลายมันจะซึมเข้าเส้นใยของผ้าที่ซักได้ดีกว่า และช่วยถนอมเนื้อผ้าได้ดีกว่า ปัจจุบันหาซื้อได้ง่ายแล้ว
8.ผงซักฟอกแบบมีกลิ่น ไม่มีกลิ่น
หลายๆ คน อาจจะ สงสัยว่า เอ! มีด้วยหรอ ผงซักฟอกแบบไม่มีกลิ่น
วันนี้ ELVIRA จะมาไขข้อสงสัย ให้กระจ่างนะจ๊ะ
ผงซักฟอกแบบมีกลิ่น : พบได้ตามท้องตลาดทั่วไป ยี่ห้อต่างๆ ที่เน้นความหอมในตัวผงซักฟอกเลย มีให้เห็นกันไม่ยากนัก แต่ละค่ายแต่ละเจ้าก็โฆษณากันไป เราก็เลือกซื้อ เลือกใช้กันตามอัธยาศัย
ผงซักฟอกแบบไม่มีกลิ่น
แบบไม่มีกลิ่น แบบนี้ก็มีด้วย…มีนะค่ะ มาดูกัน
ผงซักฟอกแบบไม่มีกลิ่น ส่วนใหญ่จะใช้แพร่หลายใน ธุรกิจโรงแรม, โรงพยาบาล, ร้านซักรีด ที่เป็นแบบ hi class หน่อย เพราะจะเน้นเรื่องการทำความสะอาดมากกว่า
อีกเหตุผลนึงผงซักฟอกที่มีกลิ่น เมื่อซักแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือต้องแช่น้ำยาปรับผ้านุ่ม และน้ำยาปรับผ้านุ่มก็มีกลิ่นเฉพาะแต่ละยี่ห้ออยู่แล้ว พอมาถึงตอนใส่ คนที่ชอบใส่น้ำหอม กลิ่นน้ำหอมก็จะมีอีกกลิ่นนึง ซึ่งมันอาจจะทำให้กลิ่นตีกัน ทั้งกลิ่นผงซักฟอก, กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม, กลิ่นน้ำหอม ดังนั้น การที่ผงซักฟอกไม่มีกลิ่นจึงกลายเป็นหัวใจของการซักผ้าที่มือโปรเลือกใช้เลยค่ะ
ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่ ELVIRA ได้รวบรวมมาให้ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อผงซักฟอกที่ดี และมีคุณภาพ เพราะการใช้ผงซักฟอกดี จะช่วยถนอมเสื้อตัวโปรดของเราให้ใส่ ได้นาน จนเพื่อนๆ เบื่อกันเลยทีเดียว ^.^
Facebook : Elvirathai
Twitter : Elvirathai